รัสเซีย-ซีเรีย ถล่มพื้นที่กบฏหลังยึดอเลปโป
รัสเซียและซีเรียโจมตีทางอากาศหลายระลอก สกัดกลุ่มกบฏรุกคืบต่อ หลังยึดเมืองอเลปโป มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย
องค์กรสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights–SOHR) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตั้งอยู่ในอังกฤษ โดยมีเครือข่ายขนาดใหญ่ในพื้นที่ รายงานว่า รัสเซียส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มทางอากาศหลายระลอก เพื่อสกัดกั้นการรุกคืบของกองกำลังฝ่ายต่อต้าน หลังจากบุกจู่โจมอย่างรวดเร็วและยึดเมืองอเลปโปได้สำเร็จในเวลาไม่กี่วัน ทำให้ซีเรียสูญเสียเมืองใหญ่อันดับสองแห่งนี้เป็นครั้งแรกให้กับฝ่ายกบฏ ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่มขึ้น นักรบฝ่ายต่อต้านยึดอเลปโปจากรัฐบาลได้เกือบทั้งหมด เว้นเพียงเขตที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังชาวเคิร์ด
เทเลกราฟ สื่ออังกฤษ รายงานอ้างแหล่งข่าวท้องถิ่นในอิดลิบที่เห็น เครื่องบินรบรัสเซีย ขึ้นบินจากฐานทัพรัสเซีย ที่สนามบิน ฮไมมิม (Hmeimim ) เมืองลาทาเกีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ต่อมา องค์กรสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย รายงานว่า เครื่องบินรบรัสเซีย โจมตีใกล้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอเลปโป เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย ส่วนการโจมตีภายในเมือง อิดลิบ ที่อยู่ใกล้กัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอีก 8 ราย ทั้งหมดเป็นพลเรือน กับมีผู้บาดเจ็บกว่า 50 นอกจากนี้ เครื่องบินรบรัสเซียและซีเรีย ยังโจมตีเขตชนบทของจังหวัดอิดลิบ และ ฮามา เมืองใหญ่อันดับ 4 ที่ฝ่ายกบฏนำโดยกลุ่ม ฮายัต ตาห์รีร์ อัล ชาม หรือ HTS และกองกำลังพันธมิตรที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี กำลังรุกคืบเป็นเป้าหมายต่อไป
ขณะที่กลุ่มป้องกันพลเรือนซีเรีย หรือที่รู้จักในชื่อ หมวกนิรภัยขาว รายงานว่า การโจมตีของฝ่ายรัฐบาลในอิดลิบและอเลปโป เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 25 ราย จำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิง 4 ราย คลิปที่แชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นผู้คนแตกตื่นวิ่งหนีบนถนนที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น
สื่อทางการรายงานว่า กองทัพได้เสริมกำลัง เครื่องยิงจรวด และอาวุธหนัก ตามแนวป้องกันในเมืองฮามาอย่างเข้มแข็ง ขณะผนึกกำลังกับรัสเซีย โจมตีคลังอาวุธและเป้าหมายในฐานที่มั่นของกบฏอย่างแม่นยำ สื่อทางการซีเรีย อ้างว่า ทหารรัฐบาลสังหารฝ่ายกบฏไปเกือบพันคนในช่วงสามวัน โดยไม่มีรายละเอียดหรือหลักฐาน
การสู้รบครั้งดุเดือดที่สุด นับจากสงครามกลางเมืองเงียบสงบหลายปี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 372 ราย จำนวนนี้เป็นพลเรือน 20 ราย
ทั้งนี้ รัสเซีย เคยมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด พลิกสถานการณ์ในช่วงสงครามกลางเมืองระอุถึงขีดสุด และทำให้อัสซาดยังครองอำนานต่อมาจนถึงวันนี้ แต่ในครั้งนี้ บทบาทและความพร้อมของรัสเซียกำลังถูกจับจ้อง มีรายงานว่า ทหารรัสเซียถอนกำลังจากฐานทัพ อัล ซูไคลาบิยาห์ และ ฐานทัพอากาศฮามา อย่างรวดเร็วขณะกบฏรุกคืบ ท่ามกลางรายงานสะพัดว่า ทหารรัสเซียสูญหายหลายร้อยคน และมีข่าวสั่งปลด พลโท เซอร์เก คีเซล ที่รับผิดชอบกองกำลังในซีเรีย และตั้ง พลเอก อเล็กซานเดอร์ เชย์โค ที่เคยรับผิดชอบกองกำลังรัสเซียในซีเรียช่วงปี 2560-2562 มาทำหน้าที่แทน
นอกจากนี้ ยังเป็นคำถามว่า รัสเซียจะสนับสนุนซีเรียได้มากน้อยแค่ไหน ขณะติดพันสงครามใหญ่กับยูเครน นิวยอร์ค ไทมส์ รายงานว่า รัสเซียโยกระบบป้องกันทางอากาศ เอส-300 และทหารราว 1 พัน จากซีเรีย ไปสนับสนุนการบุกยูเครน เมื่อปี 2565
โอเมอร์ ออซคีซีลิก จากสภาแอตแลนติก กล่าวว่า ภาพถ่ายดาวเทียมจากฐานทัพอากาศรัสเซียในจังหวัดลาทาเกีย พบกำลังทางอากาศของรัสเซียลดลงไปมากเมื่อเทียบกับปี 2562 รายงานจากพื้นที่และคลิปที่แชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ พบว่า รัสเซียใช้เครื่องรบรุ่นเก่า ในการโจมตีต้านทานฝ่ายกบฏ
#บก.ข่าวทีวี