RT และรอยเตอร์สรายงานว่านายดมิทรี่ เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมากล่าวแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 2 ธค.) กรณีว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาโพสต์ผ่าน “ทรูธ” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยขู่ว่าสหรัฐจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสมาชิกกลุ่มประเทศบริกส์ 100% หากบริกส์ไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะบ่อนทำลายดอลล่าร์สหรัฐด้วยการสร้างสกุลเงินใหม่มาใช้ในการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเพสคอฟโต้กลับว่าคำขู่ของทรัมป์จะยิ่งช่วยเร่งให้บริกส์ทิ้งดอลล่าร์สหรัฐ และเปลี่ยนมาใช้สกุลเงินของตัวเองในการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งเร่งลดบทบาทของดอลล่าร์สหรัฐที่ถูกใช้เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ทรัมป์ขู่ว่าประเทศไหนที่มีแผนทิ้งดอลล่าร์สหรัฐจะต้องเจอกับการตอบโต้ทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และอย่าหวังที่จะส่งสินค้ามาขายที่สหรัฐอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพสคอฟโต้กลับว่าดอลล่าร์สหรัฐเริ่มที่จะหมดแรงดึงดูดในฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศสำหรับหลายๆประเทศ และไม่ใช่เฉพาะแค่กลุ่มบริกส์เท่านั้น หลายประเทศทั่วโลกกำลังหันมานิยมใช้สกุลเงินของตัวเองในการค้าระหว่างประเทศมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและชาติตะวันตกที่มักใช้ระบบการเงินเป็นเครื่องมือในการลงโทษประเทศต่างๆ
ทั้งนี้รัสเซียมีบทบาทสำคัญในพัฒนาระบบ “บริดจ์” (Bridge) สำหรับใช้ในกลุ่มประเทศบริกส์ เพื่อมาแทน “Swift” ระบบธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศของชาติตะวันตก โดย “บริดจ์” ถูกออกแบบเพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกในการชำระเงินด้วยสกุลเงินของตัวเอง อย่างไรก็ตามเพสคอฟย้ำว่ารัสเซียยังไม่ได้ทิ้งดอลล่าร์สหรัฐ เพียงแต่ต้องการหาระบบการเงินอื่นมาเป็นอีกทางเลือก เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจถูกครอบงำจากระบบการเงินของชาติตะวันตกเท่านั้น