AFP, RT และ BBC รายงานว่าตุรกีได้กลับมาเปิดสถานทูตของตนในกรุงดามัสกัสอีกครั้งเมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 14 ธค.) หลังจากรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดถูกกลุ่มกบฎฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชามหรือ HTS ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากตุรกีโค่นล้มไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา และเป็นการกลับมาเปิดสถานทูตตุรกีครั้งแรกในรอบ 12 ปีนับตั้งแต่ที่ถูกปิดไปตอนที่เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรีย โดยมีนายเบอร์ฮาน โคโรกลู อุปทูตตุรกีเป็นประธานในพิธีเชิญธงชาติตุรกีขึ้นสู่ยอดเสา จากนั้นก็เริ่มเปิดทำการทันทีภายในวันเดียวกัน
ขณะที่นายฮากาน ฟีดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีก็ออกมาเรียกร้องรัสเซียและอิหร่านที่เคยให้การสนับสนุนรัฐบาลของอัล-อัสซาดอย่าเข้ามาแทรกแซงด้านการทหารในซีเรียหลังการล่มสลายของรัฐบาลอัล-อัสซาด ทั้งนี้รายงานเผยว่ารัฐบาลตุรกีมีบทบาทสำคัญในปัญหาความขัดแย้งของซีเรียตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมา รวมทั้งเป็นผู้สนับสนุนด้านการเงินกับกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มกบฎ HTS
ขณะที่นายแอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐซึ่งเข้าร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอาหรับ, อียูและยูเอ็นที่เมืองอาคาบ้า ของจอร์แดนเพื่อหารือเรื่องสถานการณ์และอนาคตซีเรียภายใต้รัฐบาลชุดใหม่เมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 14 ธค.) ออกมาเปิดเผยว่าสหรัฐได้ทำการ “ติดต่อโดยตรง” กับกลุ่มกบฎ HTS ทั้งๆที่ HTS ยังถูกสหรัฐตีตราให้เป็นกลุ่มก่อการร้าย ด้านตัวแทนกลุ่มประเทศอาหรับได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ซีเรียเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างสันติและทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคต นอกจากนี้ก็มีร้องขอความมั่นใจจากตุรกีให้สนับสนุนแนวทางเดียวกัน รวมทั้งป้องกันไม่ให้ซีเรียถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ ตามนิกายทางศาสนา
ด้านตัวแทนกลุ่มอียูเผยว่าอียูมีแผนจะติดต่อไปยังกลุ่มผู้นำชุดใหม่ของซีเรียเร็วๆนี้แ
ละล่าสุดได้ประกาศส่งความช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเครื่องเวชภัณฑ์ 50 ตันไปยังซีเรียโดยจะส่งผ่านไปทางตุรกี ขณะที่ผู้แทนกาตาร์เผยว่ากาตาร์จะส่งตัวแทนไปเยือนซีเรียในวันนี้ (อาทิตย์ที่ 15 ธค.) เพื่อพบกับกลุ่มผู้นำรักษาการณ์ของซีเรียและเตรียมเปิดสถานทูตกาตาร์ในซีเรียด้วย