แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อสุดสัปดาห์ ว่า มีการติดต่อกันจริงระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน กับกลุ่ม ฮายัต ตาห์รีร์ อัล ชาม หรือ HTS แกนนำกองกำลังติดอาวุธโค่นอำนาจระบอบ บาชาร์ อัล อัสซาด แม้ว่ารัฐบาลวอชิตัน ขึ้นบัญชี HTS เป็นผู้ก่อการร้ายมาตั้งแต่ปี 2561 และอาห์หมัด อัล ชารา หรือชื่อเดิม อาบู โมฮัมเหม็ด อัล โจลานี ผู้นำ HTS มีค่าหัวนำจับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 300 ล้านบาท
บลิงเคน กล่าวที่จอร์แดน หลังร่วมประชุมกับนักการทูตตุรกี สหภาพยุโรป และอาหรับ ที่เมืองอคาบา เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม ว่าสหรัฐฯ ได้ติดต่อกับ HTS และหลายฝ่ายในซีเรีย แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเนื้อหาและไม่ได้บอกว่าติดต่อกันอย่างไร
แถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมในจอร์แดน ยืนยันจะให้ความสนับสนุนแก่ชาวซีเรียในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างประเทศที่มีความสงบสุข มีความหวังและความมั่นคง พร้อมเรียกร้องให้การเปลี่ยนผ่านซีเรียครั้งนี้ นำไปสู่รัฐบาลที่ครอบคลุมตัวแทนของทุกนิกาย ผ่านกระบวนการที่โปร่งใส ปิดฉากการถูกโดดเดี่ยวมานานหลายสิบปี
ด้าน เกียร์ พีเดอร์เซน ทูตพิเศษด้านซีเรียของสหประชาชาติ เดินทางถึงกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรีย เมื่อวันอาทิตย์ และได้พบปะกับผู้นำ HTS / ในโอกาสนี้ พีเดอร์เซน เรียกร้องให้นานาชาติเพิ่มความช่วยเหลือมนุษยธรรมแก่ซีเรีย และต้องการเห็นกระบวนการยุติธรรมและความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้น แต่ไม่ต้องการเห็นการแก้แค้น
กาตาร์ ส่งคณะผู้แทนไปซีเรีย พบปะเจ้าหน้าที่รัฐบาลชั่วคราว และยืนยันว่า จะให้ความสนับสนุนชาวซีเรีย ต่อมาประกาศว่า จะเปิดทำการสถานทูตอีกครั้งหลังจากปิด 13 ปี ตั้งแต่เกิดการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลอัสซาดก่อนลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง
ตุรกี ซึ่งเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งซีเรีย และคุมพื้นที่ืทางตะวันตกเฉียงเหนือ ก็เปิดสถานทูตในกรุงดามัสกัสเช่นกัน เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี
ที่กรุงลอนดอน เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า กลุ่ม HTS ยังเป็นองค์กรก่อการร้ายต้องห้าม แต่รัฐบาลสามารถติดต่อทางการทูตได้ และอังกฤษก็ทำเช่นนั้น ทั้งยังประกาศจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กลุ่มเปราะบางที่สุดในซีเรีย ในประเทศเพื่อนบ้านเลบานอนและจอร์แดน อังกฤษยืนยันว่า จะสนับสนุนชาวซีเรียขณะเริ่มต้นสู่ทิศทางใหม่
ฝรั่งเศสเปิดเผยว่า คณะผู้แทนทางการทูต 4 คน จะเดินทางถึงกรุงดามัสกัส ในวันพรุ่งนี้ (17 ธันวาคม) เพื่อยึดคืนอสังหาริมทรัพย์ของฝรั่งเศส และทำการติดต่อในเบื้องต้นกับผู้นำใหม่ซีเรีย ตลอดจนประเมินความต้องการเร่งด่วนของชาวซีเรีย
ขณะที่รัสเซีย พันธมิตรระบอบอัสซาด กระทรวงต่างประเทศแจ้งว่า ได้อพยพทีมนักการทูตรัสเซียบางส่วน ตลอดจนนักการทูตเกาหลีเหนือและเบลารุสออกจากซีเรีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม โดยเที่ยวบินพิเศษจากฐานทัพอากาศ ฮไมมิม ของกองทัพอากาศรัสเซียในซีเรีย เดินทางถึงท่าอากาศยานในกรุงมอสโกแล้ว โดยไม่ได้บอกว่าบนเครื่องมีกี่คน แต่ยืนยันว่า สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงดามัสกัสยังทำงานปกติ
ส่วนชะตากรรมของฐานทัพสองแห่งในซีเรีย ได้แก่ ฐานทัพเรือ ทาร์ทัส กับฐานทัพอากาศ ฮไมมิม ยังไม่มีความแน่นอน ทั้งสองแห่งมีความสำคัญสำหรับการรักษาอิทธิพลของรัสเซีย ในตะวันออกกลาง น่านน้ำเมดิเตอร์เรเนียนและแอฟริกา โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัสเซียกำลังหารือเรื่องนี้กับผู้นำใหม่ซรเรีย
