เมื่อวานนี้ (17 ธันวาคม ) นายหวาง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน แสดงปาฐกถา ในงานเสวนาว่าด้วยสถานการณ์ระหว่างประเทศและความสัมพันธ์กับต่างประเทศของจีน จัดโดยสถาบันระหว่างประเทศศึกษา ที่กรุงปักกิ่ง โดยบอกว่า นโยบายของจีนต่อสหรัฐอเมริกา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และจีนหวังว่ารัฐบาลใหม่สหรัฐฯ จะเลือกและตัดสินใจถูกต้อง พบกับจีนครึ่งทาง ยุติการแทรกแซง ฝ่าฟันอุปสรรค เดินหน้าสู่การขยายความสัมพันธ์ บรรลุการพัฒนาที่มั่นคง แข็งแรงและยั่งยืน ก่อนเสริมว่า จีนยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจาอยู่เสมอ
หวาง อี้ ยังพูดถึงความร่วมมือทวิภาคีกับสหรัฐฯที่มีความก้าวหน้าในหลายด้าน เช่น ลดผลกระทบจากไคลเมท เช้นจ์ ควบคุมยาเสพติด การบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังที่ปรากฏในข้อตกลงระหว่างสองรัฐบาล และจีนยังได้ต้อนรับนักศึกษาสหรัฐฯ 5 หมื่นคน ในช่วงเวลา 5 ปี สะท้อนว่าตราบใดที่สองประเทศร่วมมือกัน จีนและสหรัฐฯก็สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่มากมาย
แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ลืมเน้นย้ำเส้นแดงของจีนว่า จีนจะปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของตน คัดค้านการปราบปรามที่ผิดกฎหมายและไม่มีเหตุผลของสหรัฐฯอย่างหนักแน่น ตลอดจนจะสนองตอบการแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องไต้หวัน อย่างเด็ดขาดและมั่นคง
ในเดือนนี้ จีนเพิ่งออกมาตรการแซงชั่นบริษัทอาวุธสหรัฐฯ 13 ราย และผู้บริหารอุตสาหกรรมอาวุธ 6 คน ฐานประกาศขายอาวุธให้ไต้หวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถือเป็นการละเมิดนโยบายจีนเดียว
ถ้อยแถลงของหวาง อี้ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า จีนและสหรัฐฯ สามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อสะสางปัญหาต่าง ๆ ของโลก และก่อนหน้านั้นยังได้ส่งเทียบเชิญ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน ร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่สอง นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังชื่นชม ประธานาธิบดีสี ว่า เป็นบุุรุษมหัศจรรย์ ที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากระหว่างกัน กระทั่งโควิด-19 ระบาด ทรัมป์บอกว่า โควิดไม่ได้ยุติความสัมพันธ์ แต่เป็นช่องว่างที่ไกลเกินไปสำหรับเขา
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ยังกล่าวว่า จะกระชับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม และขยายความร่วมมือเชิงปฏิบัติในทุกด้านระหว่างจีนกับรัสเซีย ส่วนการส่งเสริมความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปก็มีความสำคัญเช่นกัน แต่ต้องอยู่บนหลักการ ความเป็นอิสระ ความสำเร็จร่วมกัน และผลประโยชน์ต่อโลก
รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ยังกล่าวถึงสถานการณ์ระหว่างประเทศในปีหน้า ว่า ปัจจัยความไม่แน่นอน และไร้เสถียรภาพ จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจีนจะให้การสนับสนุนอย่างมั่นคงต่อเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากเสถียรภาพของจีนเอง และรับมือกับความไม่แน่นอนทั้งหมดด้วยความแน่นอนของจีน และจะใช้วิถีของจีน ในการแสวงหาทางออกปัญหาท้าทายของโลก และแสดงบทบาทสร้างสรรค์ในวิกฤติยูเครน ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี และวิกฤติเมียนมา
ภาพปก @ChineseEmbinUS