ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ มอบหมายทนายยื่นฟ้องศาลในรัฐไอโอวา ระบุชื่อจำเลยได้แก่ แอนน์ เซลเซอร์ นักจัดทำโพลล์ชื่อดัง บริษัทจัดทำโพลล์ของเธอ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น “ดิ มอยส์ รีจิสเตอร์” ที่ว่าจ้างและเผยแพร่ผลสำรวจ และ แกนเน็ตต์ บริษัทแม่ของหนังสือพิมพ์ ภายใต้กฎหมายฉ้อโกงผู้บริโภครัฐไอโอวา (Consumer Fraud Act ) ปมเหตุจากโพลล์ที่จัดทำโดยเซลเซอร์ ชี้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมตามหลังกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตอยู่ถึง 3 จุด
ผลสำรวจที่เผยแพร่ไม่กี่วันก่อนเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายน ช็อกทีมหาเสียงของทรัมป์ ที่เคยชนะในรัฐนี้แบบลอยลำในการเลือกตั้งปี 2016 และ 2020 แต่สร้างกำลังใจให้เดโมแครต ที่มีความหวังว่าผลสำรวจอื่น ๆ จะประเมินกระแสนิยมทรัมป์สูงเกินจริง แต่ผลปรากฏว่า ทรัมป์ชนะเลือกตั้งในไอโฮวาแบบทิ้งห่างคู่แข่ง 13 จุด
คำฟ้องกล่าวหาว่า เซลเซอร์ และจำเลยร่วม “แทรกแซงการเลือกตั้งอย่างอุกอาจ” ปั่นข้อมูลและนำเสนอข่าวเกี่ยวกับโพลล์ โดยมีเจตนาช่วยกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากเดโมแครต และเรียกค่าเสียหายจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มีเปิดเผยตัวเลข ทรัมป์อ้างว่า โพลล์ของจำเลย เป็นส่วนหนึ่งของละครการเมืองที่ปรุงแต่งโดยเซลเซอร์ ผู้ที่น่าจะรู้ดีกว่าใครในเรื่องการวางยาผลเลือกตั้ง ด้วยโพลล์ที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยนอกจากความเพ้อฝัน
ลาร์ค-มารี แอนตัน โฆษกของ แกนเนตต์ บริษัทแม่ของหนังสือพิมพ์ ดิมอยส์ รีจิสเตอร์ กล่าวว่า หนังสือพิมพ์ได้ยอมรับแล้วว่า โพลล์ไม่ได้สะท้อนชัยชนะอย่างเด็ดขาดของทรัมป์ในไอโอวา และก่อนหน้านี้ก็ได้แจกแจงไปแล้วว่า มีข้อมูลอะไรบ้างที่โพลล์นี้ให้น้ำหนักกับไม่ได้ให้น้ำหนัก ตลอดจนคำอธิบายเชิงเทคนิกที่ใช้ในการทำโพลล์ของเซลเซอร์ จึงขอยืนยันในการรายงานข่าวที่นำเสนอไป และมั่นใจว่า นี่เป็นคำฟ้องที่ไม่มีมูล
การดำเนินคดีทางกฎหมายกับสื่อในไอโฮวาของทรัมป์ แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ที่บ่อยครั้งเอาผิดในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ครั้งนี้ ทรัมป์กล่าวหาคู่กรณีว่าละเมิดกฎหมายฉ้อโกงผู้บริโภค ที่ห้ามหลอกลวงในการลงโฆษณาหรือขายสินค้า CNN รายงานว่า แม้ว่าคำกล่าวอ้างแหวกแนวของทรัมป์ไม่น่าจะประสบความสำเร็จในศาล แต่เชื่อว่าทรัมป์กำลังใช้การฟ้องร้อง แก้เผ็ดสื่อที่เขามองว่า เป็นสื่อเอียงซ้าย สื่อกระแสหลัก และบทบาทของนักทำโพลล์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
การฟ้องสื่อและนักทำโพลล์ในไอโอวา มีขึ้นหลังจากทรัมป์เพิ่งชนะคดีหมิ่นประมาท เอบีซี นิวส์ ตกลงยอมจ่ายค่าเสียหาย 16 ล้านดอลลาร์ แต่สิ่งที่ในคำฟ้องนี้ไม่มี ก็คือหลักฐานที่จะเอาผิดเซลเซอร์ว่า กระทำสิ่งไม่เหมาะสมในการนำเสนอผลสำรวจ
รอเบิร์ต คอร์น รีเวียร์ หัวหน้าที่ปรึกษากฎหมาย มูลนิธิสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล กล่าวว่า นี่เป็นคำฟ้องที่ไร้สาระ และเป็นการโจมตีโดยตรงต่อ เฟิร์สต์ อเมนเมนต์ ( First Amendment) หรือ บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ว่าด้วยหลักประกันเสรีภาพส่วนบุคคล รวมถึงการแสดงความเห็น หนังสือพิมพ์และบริษัทจัดทำผลสำรวจ ไม่ได้มีพฤติกรรมหลอกหลวงเพียงเพราะเผยแพร่เรื่องราวและรายงานผลสำรวจที่ไม่ถูกใจว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และการได้ผลสำรวจที่ผิดพลาด ก็ไม่ใช่การแทรกแซงการเลือกตั้ง หรือฉ้อโกง
นักกฎหมายหลายคนก็มีความเห็นไปในทางเดียวกัน กระนั้น ต่อให้สุดท้ายแล้ว ศาลไม่รับฟ้องหรือทรัมป์แพ้ แต่การดำเนินคดีทางกฎหมาย ก็ทำให้สื่อต้องเสียเวลาและสิ้นเปลืองเงินทองในการขึ้นโรงขึ้นศาล รวมถึงค่าทนาย
CNN อ้างความเห็นผู้เชี่ยวชาญที่มองว่า ทรัมป์กำลังเปิดตำราอำนาจนิยมที่ผู้นำเผด็จการทั่วโลกนำมาใช้ ในการไล่ล่าสื่อด้วยข้อหาต่าง ๆ ที่หลายครั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาชีพสื่อ โจล ไซมอน ผู้อำนวยการโครงการริเริ่มคุ้มครองสื่อสารมวลชน CUNY กล่าวว่า เขาเชื่อว่า กลยุทธ์ทำนองนี้จะถูกนำมาใช้ในสหรัฐ และยังกังวลว่าทรัมป์จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับสื่อตามอำเภอใจ อย่างไร้สาระและอาฆาตแค้น ความเป็นไปได้ที่จะชนะคดีมีน้อยมาก เพราะการรายงานข่าวด้วยเจตนาบริสุทธิ์ได้รับการคุ้มครอง แต่สำหรับองค์กรสื่อเล็ก ๆ ที่มีทรัพยากรไม่มากนัก การต่อสู้คดีถือเป็นความท้าทายที่หนักหนาสาหัส