หันซ้ายมองขวาในแวดวงการเมืองเริ่มพบเห็นน้อยเต็มทีสำหรับนักการเมืองที่เข้าใจบริบทของการกระจายอำนาจ (การเมืองท้องถิ่น) แม้กระทั้งคนที่ผันตัวเองไปเล่นการเมืองท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจบริบทของการเมืองท้องถิ่น หรือการกระจายอำนาจ
หันซ้ายไปผมก็เจอแค่ “จาตุรนต์ ฉายแสง” หันขวาก็เจอ “นิพนธ์ บุญญามณี” ที่พอจะเข้าใจการเมืองท้องถิ่นอย่างแท้จริง ด้วยเหตุผลที่จาตุรนต์เป็นคนขับเคลื่อน พรบ.แผนแม่บทและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ทำมากับมือ เพียงแต่ในขั้นการปฏิบัติอาจจะล่าช้าในการถ่ายโอนภารกิจ ซึ่งน่าจะเกิดจากการหวงอำนาจของส่วนกลาง
ส่วนนิพนธ์ บุญญามณี โตทางการเมืองมาจากการเมืองท้องถิ่น เป็นสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.)สงขลามาหลายสมัย เป็นประธานสภาจังหวัดสงขลา เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เป็น สส.สงขลา 8 สมัย และเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย และสนใจศึกษา เรียนรู้การเมืองท้องถิ่นจริงจัง
ส่วนคนรุ่นใหม่อย่างธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร ก็แค่สนใจการกระจายอำนาจจากการอ่านตำรา ไม่เคยปฏิบัติจริง จึงเสนอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ยุบโน้นยุบนี้เกี่ยวกับราชการส่วนภูมิภาค ประสบการณ์ไม่มีจริง จึงทำให้ก้าวไกล ประชาชนไม่เคยประสบความสำเร็จในเวทีท้องถิ่น
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าร่วมเวทีเสวนาในหัวข้อ “ทิศทางชุมชน ทิศทางประเทศไทย” ภายในงาน “15 ปีสัมมาชีพ สานพลังไทย สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางในการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน
นายนิพนธ์ กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานที่คลุกคลีกับประชาชนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จนถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “หากต้องการทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ต้องสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก นั่นคือชุมชนและท้องถิ่น” ซึ่งหากทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศก็เข้มแข็ง ซึ่งการกระจายอำนาจถือเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำ