“การรถไฟฯ” ทำหนังสือโต้ 2 ปม “กรมที่ดิน” ออกแถลงการณ์ คลาดเคลื่อนข้อเท็จจริง ยันต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เขากระโดงตามกม.

"การรถไฟฯ" ทำหนังสือโต้ 2 ปม "กรมที่ดิน" ออกแถลงการณ์ คลาดเคลื่อนข้อเท็จจริง ยันต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เขากระโดงตามกม.

วันที่ 6 ม.ค.68 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการตีความทางกฎหมายและคำพิพากษาของศาล คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินทับซ้อนเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยวันนี้ (6 ม.ค.2568) ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนช่องทางต่างๆ เกี่ยวกับกรมที่ดินได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2567 กรณีได้ชี้แจงข้อเท็จจริงถึงการดำเนินการของ กรมที่ดิน เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง นั้น

การรถไฟแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่า ข้อมูลตามแถลงการณ์ดังกล่าวคลาดเคลื่อน จากข้อเท็จจริง ทั้งในแง่ของการตีความกฎหมาย และผลของคำพิพากษาของศาล เพื่อเป็นการรักษาและสงวนไว้ ซึ่งความเป็นเจ้าของสิทธิที่ดินที่เป็นข้อพิพาทของการรถไฟแห่งประเทศไทยขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

1.ประเด็นที่กรมที่ดินอ้างว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ทั้ง 3 คดีครบถ้วนแล้วนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย เห็นว่า แม้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 ข้อพิพาทแห่งคดีจะเป็นเรื่องที่การรถไฟแห่งประเทศไทยคัดค้านการออกโฉนดที่ดินจำนวน 40 แปลงของราษฎรจำนวน 35 ราย ซึ่งภายหลังที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย กรมที่ดินได้ยกเลิกการออกโฉนด และยกเลิกใบไต่สวนและจำหน่าย ส.ค.1 ออกจากทะเบียนครอบครองที่ดินแล้วก็ตาม แต่คำพิพากษาศาลฎีกาที่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย มิใช่เฉพาะที่ดินพิพาท 40 แปลงข้างต้นเท่านั้น แต่วินิจฉัยครอบคลุมถึงที่ดินตามแผนที่แสดงเขตที่ดินที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ยื่นต่อศาลด้วย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 5,083 ไร่เศษ เช่นเดียวกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 คำวินิจฉัยของศาลก็ได้วินิจฉัยถึงแนวเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย มิใช่เฉพาะเพียงแค่ที่ดินซึ่งเป็นข้อพิพาทในคดีดังกล่าวเท่านั้น แต่วินิจฉัยรวมถึงแนวเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามแผนที่ที่กรมรถไฟแผ่นดินทำขึ้น (เอกสารหมาย จ.7 ในคดีดังกล่าวด้วย)

ดังนั้น เมื่อคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และผลปรากฏว่ากรมที่ดินได้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยนอกเหนือไปจากที่ดินตามข้อพิพาทแห่งคดีด้วยแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวย่อมใช้ยันกรมที่ดินและผู้ถือเอกสารสิทธิในที่ดินทุกแปลงด้วย เมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ขอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินในบริเวณดังกล่าว ย่อมเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะต้องดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 เพื่อดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด แต่กรมที่ดินละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จนการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องไปฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางและศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้กรมที่ดินดำเนินการดังกล่าว

ข่าวที่น่าสนใจ

ดังนั้น ที่กรมที่ดินอ้างว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่สามารถนำไปใช้ยันกับผู้ครอบครองที่ดินแปลงอื่นๆ ได้นั้น จึงคลาดเคลื่อนและไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกรมที่ดิน ซึ่งเป็นผู้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน เมื่อคำพิพากษาได้วินิจฉัยชัดเจนเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ย่อมถือว่ามีความปรากฏว่าเป็นการออกเอกสารแสดงสิทธิที่ดินโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะออกทับซ้อนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินต้องดำเนินการเพื่อเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าวทั้งหมด

เมื่อดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผู้ครอบครองที่ดินต้องใช้สิทธิพิสูจน์ว่าตนเองมีสิทธิในที่ดินดีกว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยอย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับคำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ยื่นฟ้องกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งศาลได้มีคำวินิจฉัยยืนยันความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย มิใช่เพียงแค่ที่ดินพิพาทในคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้ง 3 คดีเท่านั้น โดยคำพิพากษาตอนหนึ่งระบุว่า “แม้ในคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งสองคดีและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะไม่ได้วินิจฉัยให้เพิกถอนที่ดินแปลงอื่นๆ นอกเหนือจากที่ปรากฏเป็นข้อพิพาทในคดีก็ตาม แต่คำพิพากษาดังกล่าวก็ได้วินิจฉัยอย่างชัดแจ้งถึงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงสามารถใช้ยันบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า อีกทั้งที่ดินบริเวณที่ศาลมีคำพิพากษากล่าวอ้างถึงฐานะเป็นที่ดินของรัฐ ที่สามารถใช้จัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ หาใช่มีผลผูกพันเฉพาะแต่คู่ความในคดีตามมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่”

2. กรณีที่กรมที่ดินอ้างว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว ส่วนการพิจารณาข้อเท็จจริงว่า จะเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินหรือไม่ เป็นดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดินนั้น

การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอชี้แจงว่า แม้การพิจารณาว่าจะเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินหรือไม่จะเป็นดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดินก็ตาม แต่การใช้ดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดินก็ต้องอยู่ในกรอบของข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด และต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องและเป็นธรรม ซึ่งในเรื่องที่ดินเขากระโดงนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามคำพิพากษา ทั้งของศาลยุติธรรมและศาลปกครองดังกล่าวข้างต้น แล้วว่าที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และศาลปกครองได้มีข้อสังเกตในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินโดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย มีส่วนร่วมในการดำเนินการของคณะกรรมการดังกล่าวด้วย กรณีเช่นนี้จึงทำให้อธิบดีกรมที่ดินมีหน้าที่ต้องทำการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน กับแนวเขตพื้นที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งหากมีการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว อธิบดีกรมที่ดินก็ต้องใช้อำนาจหน้าที่สั่งเพิกถอนหรือแก้ไข โดยในการดำเนินการเช่นว่านี้ ทางคณะกรรมการสอบสวนมีอำนาจในการเรียกเอกสารสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ เพื่อให้โอกาสในการคัดค้าน

 

ดังนั้น การที่อธิบดีกรมที่ดินยุติเรื่องโดยอ้างเหตุว่าเป็นดุลพินิจ ซึ่งศาลไม่อาจก้าวล่วงได้นั้น กรณีเช่นนี้ย่อมถือว่าเป็นการดำเนินการที่ยังไม่ครบถ้วนตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งยังเป็นการโต้แย้งพยานหลักฐาน ซึ่งศาลได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วอีกด้วย

 

นอกจากนี้ กรณีที่ท่านได้มีคำสั่งตาม ม 61 วรรค 2 ให้ยุติเรื่องลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ซึ่งต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือโต้แย้งคัดค้าน ฉบับลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 แต่ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาจากกรมที่ดินและท่าน ดังนั้นการรถไฟแห่งประเทศไทยจึงขอให้ท่านได้เร่งพิจารณาข้อโต้แย้งของการรถไฟแห่งประเทศไทย และได้โปรดดำเนินการตามกฎหมายให้เป็นไปโดย ครบถ้วน และถูกต้องต่อไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จับแล้ว "จ่าเอ็ม" อดีตทหารเรือ มือสังหาร "อดีต สส.กัมพูชา" เสียชีวิต
“มิน พีชญา” เปิดใจครั้งแรก หลังได้รับอิสรภาพ ลั่นขอเวลาพักฟื้นดูแลตัวเอง
"พ่อ-แม่" ใจสลาย "ลูกสาว" วัย 3 ขวบดับสลด หลังติดเชื้อไวรัส ทำกล้ามเนื้อหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
ด่วน ศาลสั่งปล่อยตัว "บอสแซม-บอสมิน" ปมดิไอคอน หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง
ตร.บุกรวบ "หนุ่มวัย 24 ปี" เปิดเพจหลอกขายสินค้าทิพย์ ลวงเหยื่อเสียหายเกือบล้าน
ซีพี-ซีพีเอฟ หนุนโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่อสวัสดิการกำลังพลกองทัพเรือและครอบครัวต่อเนื่อง
สุดทึ่ง! สนามฟุตบอลลอยฟ้าจีนเหนือหุบเขาในเจ้อเจียง
ไอคอนสยาม ประกาศความสำเร็จ ส่งประเทศไทยเป็นเคานต์ดาวน์เดสติเนชั่นระดับโลก ทุบสถิติยอดผู้ร่วมงานพุ่งกว่า 1,000,000 คน ยอดผู้ชมทั่วโลกกว่า 100 ล้านวิว
เดินหน้ารับสมัครทุนซีพีปีที่ 46 : พลิกฟื้นการศึกษา “สร้างคนดี พัฒนาคนเก่ง” สู่สังคมแห่งความเสมอภาค
ชาวอเมริกันหนีตายไฟป่าลอสแอนเจลิส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น