“พิชัย” หารือ “ทูตอินเดีย” ลดอุปสรรคขยายการค้า ลงทุน 2 ประเทศ หวังยกระดับเจรจา JTC เพิ่มมูลค่าศก.

“พิชัย” หารือทูตอินเดีย เตรียมตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ระหว่างรัฐมนตรีการค้าสองประเทศ เพื่อเร่งลดอุปสรรคการค้า-ขยายการลงทุน

“พิชัย” หารือ “ทูตอินเดีย” ลดอุปสรรคขยายการค้า ลงทุน 2 ประเทศ หวังยกระดับเจรจา JTC เพิ่มมูลค่าศก.

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ตนได้พบหารือกับ นายนาเกช ซิงค์ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยซึ่งได้หารือถึงแนวทางขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดีย โดยเห็นพ้องที่จะร่วมกันลดอุปสรรคการค้าเพื่อความคล่องตัวในการค้าขายระหว่างกัน

รมว. พาณิชย์ กล่าวว่า อินเดียถือว่าเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก และมีการขยายตัวของ GDP เฉลี่ยร้อยละ 7 – 8 และที่ผ่านมาพบว่ามีการค้าการลงทุนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับจีน จึงอยากให้มีการยกระดับการเจรจาในรูปแบบ JTC หรือ คณะกรรมการร่วมทางการค้าระหว่างกัน โดยเอกอัครราชทูตอินเดียจะไปเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะยังมีข้อตกลงเล็กน้อย ระหว่างไทยกับอินเดียที่ยังตกลงกันไม่ได้ คาดจะมีการเจรจากันได้ภายใน 2-3 เดือนนี้ ก่อนที่นายนเรนทรา โมที นายกรัฐมนตรีของอินเดียจะเดินทางมาเยือนไทยในช่วงกลางปีนี้ อยากให้ไทยเป็นจุดเชื่อมให้อินเดียในการเปิดประตูการค้าสู่ภูมิภาคอาเซียนและจีนได้

โดยไทยได้ขอให้อินเดียเร่งรัดกระบวนการออกใบรับรองมาตรฐานของสำหรับสินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ เครื่องปรับอากาศ เม็ดพลาสติก ไม้พาทิเคิลบอร์ด ไม้เอ็มดีเอฟ และเส้นใยเรยอน และลดข้อจำกัดในการออกใบอนุญาตนำเข้ายางล้อและโทรทัศน์สี นอกจากนี้ ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้การเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน – อินเดีย สรุปผลอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2568 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเสนอแนะให้ทั้งสองฝ่ายพิจารณาสานต่อการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย – อินเดีย เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนให้ขยายตัวตามศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของไทยและอินเดีย สอดรับกับนโยบายรัฐบาลไทยที่จะยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) กับอินเดีย ทั้งยังได้เชิญชวนนักลงทุนอินเดียเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยเฉพาะการจัดตั้ง Data Center

นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นควรที่จะจัดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ระหว่างรัฐมนตรีการค้าสองฝ่าย เพื่อหารือเชิงนโยบายครอบคลุมเศรษฐกิจการค้าในหลายมิติ ทั้งการค้าสินค้า บริการ และการลงทุน เนื่องจากการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียมีมูลค่าการค้าสูงและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น มีกลไกความตกลงการค้าเสรีทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งการขับเคลื่อนและผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการอำนวยความสะดวกทางการค้าในระดับนโยบายจะเอื้ออำนวยประโยชน์และเพิ่มพูนความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

 

นอกจากนั้น ไทยและอินเดียยังเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าขั้นกลางอาทิ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกล ชิ้นส่วนรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง สิ่งทอ และไม้แปรรูป ซึ่งเป็นสินค้าศักยภาพที่มีความเกื้อกูลกันของทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน เสมือนเป็นฐานการผลิตเดียวกันในภูมิภาค นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าทั้งในไทยและอินเดีย เพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ขยายโอกาสทางการค้า และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างทั้งสองประเทศขณะเดียวกัน สองฝ่ายเห็นควรเร่งสนับสนุนระบบชำระเงินข้ามแดนระหว่างพร้อมเพย์ของไทยและ UPI ของอินเดีย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเป็นเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันให้กับภาคการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

โดยอินเดียเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2567(ม.ค.-พ.ย.) การค้ารวมมีมูลค่า 15,797.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 6.06 แบ่งเป็นการส่งออกไปอินเดียมูลค่า 10,497.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ อัญมณีและเครื่องประดับ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และการนำเข้าจากอินเดียมีมูลค่า 5,299.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญจากอินเดียอาทิ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช และสินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์โดยไทยได้เปรียบดุลการค้ามูลค่า 5,197.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ผู้บริหารท็อปนิวส์" ร่วมแสดงความยินดี "ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม" คนใหม่ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
"ผู้บริหารท็อปนิวส์" เข้าพบ "รมว.วัฒนธรรม" หารือด้านการประชาสัมพันธ์
"ผู้บริหารท็อปนิวส์" ถือฤกษ์ดีเข้าอวยพรปีใหม่ "ปลัดสำนักนายกฯ" พร้อมชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ "พระราชพิธีสมมงคล" 14 ม.ค.นี้
หนีไม่รอด “ไอ้เหน่ง” เอเย่นต์ยายิงสู้ตร.สายไหม จนมุมหลังหนีกบดานประเทศเพื่อนบ้าน
ปิดฉากรัก 13 ปี "ต่อ ธนภพ" เปิดใจทั้งน้ำตา รับเลิกกับแฟนสาวนอกวงการ
บ้านลูกชายไบเดนไหม้เป็นเถ้าในไฟป่าสหรัฐ
โจรจีนเหิม! ก่อเหตุวิ่งราว-ฉ้อโกง 2 คดีซ้อน สูญรวม 13 ล้าน ตร.ยันยังไม่พบความเชื่อมโยงแก๊งเดียวกัน
จีนยุติการค้นหาเหยื่อแผ่นดินไหวทิเบต
ทิวทัศน์ ‘แม่น้ำเหลือง’ ของจีนกำลังเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง
"ปลัด กทม." กำชับหน่วยงานในสังกัด เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ลดผลกระทบต่อ ปชช.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น