“ตร.ไซเบอร์” ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อินเดียข้ามชาติ ใช้ไทยเป็นฐานลวงเหยื่อ รวบตัวการสำคัญคาสนามบิน – Top News รายงาน
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ( ผบช.สอท. ) สั่งการให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโลยี (ผบก.สอท.2) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.2 นำกำลังเข้าจับกุมนายกฤษณะ นัน ไร อายุ 34 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5696/2567 ลงวันที่ 25 พ.ย.2567 ในความผิดฐาน “สมคบกันตั้งแต่ สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมช้ามชาติ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุมได้ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางเข้ามาประเทศไทย
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับในคดีนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงต้นเดือนม.ค. 67 มีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงอายุสัญชาติอเมริกัน พักอาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีปัญหาเรื่องการล็อกอินเข้าบัญชีอีเมล์ของไมโครซอฟต์ (Microsoft Account) จึงได้เข้าค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของทีมช่วยเหลือจากบริษัทไมโครซอฟต์ผ่าน Google Search และได้พบหมายเลขโทรศัพท์ จากเว็บไซต์หนึ่ง จึงได้ทำการติดต่อ จากนั้นได้มีบุคคลปลายสายซึ่งพูดภาษาอังกฤษสำเนียงคนอินเดีย แอบอ้างว่า เป็นทีมช่วยเหลือของบริษัทไมโครซอฟท์ ทำทีให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหาย แล้วหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ จากระยะไกล เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงทำตามที่คนร้ายแนะนำ และกดอนุญาตให้คนร้ายแก้ไขข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยคนร้ายแจ้งว่าได้แก้ไขบัญชีอีเมล์เสร็จแล้ว ทางไมโครซอฟต์จะ Refund เงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย จำนวน 49.99 USD แต่คนร้ายอ้างว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหายเกินไป จำนวน 49,999 USD จึงแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินคืน เนื่องจากใส่ตัวเลขจำนวนเงินผิด หากผู้เสียหายไม่โอนเงินคืน คนร้ายต้องถูกไล่ออกจากบริษัท ผู้เสียหายสงสารและหลงเชื่อ สุดท้ายจึงโอนเงินไปยังบัญชีนิติบุคคลของธนาคารหนึ่งในประเทศไทย จำนวน 49,840 USD หรือประมาณ 1,738,916 บาท นอกจากนี้ เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเรียบร้อย คนร้ายยังได้ส่งข้อความเยาะเย้ยผู้เสียหายว่าถูกหลอกให้โอนเงิน