ก่อนทำพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปวางพวงหรีดที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ก่อนขึ้นกล่าวปราศรัยครั้งใหญ่ในงานชุมนุมภายใต้ชื่อ เมค อเมริกา เกรต อะเกน วิคทรี แรลลี ( Make America Great Again Victory Rally) ที่แคปปิตอล วัน อารีนา ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อค่ำวันอาทิตย์(19 มกราคม) ซึ่ง ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า จะยุติความตกต่ำของอเมริกา ด้วยการลงมือแก้ไขทุกวิกฤติที่ประเทศเผชิญอยู่ อย่างแข็งแกร่งและรวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่วันแรกที่หวนคืนทำเนียบขาว
ทรัมป์ วัย 78 ปี กล่าวว่า ได้เวลารูดม่านปิดฉากความตกต่ำของสหรัฐฯที่เกิดขึ้นมานาน 4 ปี ตั้งแต่เที่ยงวันของวันนี้เป็นต้นไป และอเมริกาจะก้าวสู่วันใหม่แห่งความเจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่ง
ในการปราศรัยนาน 1 ชั่วโมง ทรัมป์ ประกาศจะใช้คำสั่งประธานาธิบดี หยุดการรุกรานจากเพื่อนบ้าน ซึ่งหมายถึงการหลั่งไหลของผู้ลักลอบเข้าเมือง นโยบายหลักที่ทำให้ชนะคู่แข่งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี จะลงนามคำสั่งจำนวนมากในวันแรก รวมถึงสั่งยุตินโยบายที่เรียกกันว่า ต่อต้านพวกโว้ก (anti-woke) หรือความเท่าเทียมด้านเพศสภาพและความหลากหลาย ห้ามนักกีฬาข้ามเพศลงแข่งในกีฬาประเภทหญิง และลดกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ทรัมป์ย้ำคำสัญญาที่ว่า จะเปิดแฟ้มลอบสังหาร อดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ บอบบี้ เคนเนดี้ น้องชาย และมาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ ผู้นำขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเรือน ทรัมป์บอกกับฝูงชนว่า พรุ่งนี้จะมีอะไรสนุก ๆ มากมายให้ดูทางทีวี
ด้าน อีลอน มัสก์ ม หาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดในโลก ที่จะเข้ามามีบทบาทในการตัดลดงบประมาณในรัฐบาลของทรัมป์ ก็ขึ้นเวทีด้วย มัสก์ กล่าวว่า ชัยชนะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งสำคัญที่รออยู่ข้างหน้าคือ การสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญและแท้จริง และวางรากฐานเพื่อให้อเมริกาแข็งแกร่งต่อไปอีกหลายศตวรรษ และตลอดไป
ปิดท้ายกิจกรรมชุมนุมเฉลิมฉลอง ทรัมป์เต้นรำบนเวที ไปตามจังหวะเพลง “Y.M.C.A” ของ “เดอะ วิลเลจ พีเพิล” เพลงดิสโกที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองในยุค 1970 และกลายเป็นเพลงประจำการหาเสียงของทรัมป์
นี่ถือเป็นการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในกรุงวอชิงตัน ดีซี ตั้งแต่ทรัมป์ปราศรัยครั้งสุดท้ายเมื่อ 6 มกราคม 2564 ที่ถูกมองว่าเป็นการปลุกเร้า ก่อนม็อบสนับสนุนบุกรัฐสภา ทรัมป์กล่าวบนเวทีว่าจะอภัยโทษให้กับผู้ที่ถูกแจ้งข้อหาหรือถูกตัดสินมีความผิดจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น 1,500 คน ที่ทรัมป์เรียกพวกเขาว่า เป็นตัวประกัน
คาดว่าทรัมป์ จะลงนามคำสั่งประธานาธิบดีมากกว่า 100 คำสั่งในวันแรกที่รับตำแหน่ง บางคำสั่งมีผลผูกมัดทางกฎหมาย บางส่วนเป็นแนวทางของประธานาธิบดี เช่น คำประกาศต่าง ๆ ซึ่งปกติไม่มีผลทางกฎหมาย
ด้าน โจ ไบเดน ใช้เวลาวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เดินทางไปที่รัฐเซาท์แคโรไลนา เพื่อร่วมพิธีในโบสถ์แบปติสต์ ในเมือง นอร์ธ ชารลส์ตัน รำลึกถึง มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ ในโอกาสนี้ ไบเดนเรียกร้องให้ชาวอเมริกัน รักษาความหวัง และความเชื่อมันศรัทธาเพื่อวันที่ดีกว่า
วันที่ 20 มกราคม ซึ่งจะมีพิธีสาบานตนของทรัมป์ ยังตรงกับวัน มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ซึ่งถือเป็นวันหยุดราชการด้วย