“มะกัน”เสยปลายคาง”นาโต”ไม่รู้จักตัวเอง! ค่อยมาพูดเรื่องเพิ่มสมาชิก
ข่าวที่น่าสนใจ
ริชาร์ด เกรเนลล์ ผู้แทนสหรัฐประจำยูเครน กล่าวผ่านวิดีโอทางไกล ตอบโต้ “มาร์ค รุตเตอ” เลขาธิการนาโต ระหว่างการประชุมที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากที่ รุตเตอ กล่าวไว้ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ว่า การเป็นสมาชิกนาโตอย่างเต็มรูปแบบสำหรับยูเครน จะเป็นผลลัพธ์ที่ง่ายที่สุด และสามารถรักษาสันติภาพที่ยั่งยืนได้
โดย เกรเนลล์ ตอบโต้ว่า คุณจะต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหญ่ในอเมริกา หาก เลขาธิการนาโต พูดถึงการเพิ่มยูเครนเข้าไปในนาโต ชาวอเมริกัน ก็จะเป็นผู้จ่ายเงินเพื่อการป้องกันประเทศ
แต่คุณไม่สามารถขอให้ชาวอเมริกัน ขยายขอบเขตของนาโตได้ เมื่อสมาชิกปัจจุบันไม่ได้จ่ายส่วนแบ่งอย่างยุติธรรมเลย … ดังนั้น เมื่อเรามีผู้นำที่กำลังจะพูดถึงสงครามมากขึ้น เราจำเป็นต้องแน่ใจว่า … ผู้นำเหล่านั้นใช้เงินในจำนวนที่เหมาะสม เราต้องสามารถหลีกเลี่ยงสงครามได้ และนั่นหมายถึง ภัยคุกคามที่น่าเชื่อถือจากนาโต นาโตจะต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกนาโต ทั้ง 32 ประเทศนั้น ได้กำหนดระดับขั้นต่ำ สำหรับการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศไว้ที่ 2 เปอร์เซ็นต์ของ GDP แต่ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ได้เสนอให้ปรับขึ้นเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรุตเตอ ก็ยอมรับว่า เมื่อมาดูข้อมูลที่ได้รับตอนนี้ 2 เปอร์เซ็นต์นั้น ก็ถือว่าไม่เพียงพอเลย มันจะต้องมากกว่านั้นมาก ส่วนแบ่งจะต้องเพิ่มขึ้น สมาชิกนาโตต้องร่วมมือกันเพื่อก้าวขึ้นไป และเราจะสรุปตัวเลขที่แน่นอนกันในช่วงปลายปีนี้ แต่ว่าจะต้องมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ อย่างแน่นอน
รุตเตอ ยังได้ยอมรับจากการโต้ตอบของเกรเนลล์ด้วยว่า … ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ สหรัฐ ปัญหาอยู่ที่ยุโรป และทรัมป์ ได้ชี้ให้เห็นประเด็นนี้มาโดยตลอดว่า ในยุโรปนั้น เรามีการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และเขาก็ได้ชี้ให้เห็นประเด็นนี้ ตั้งแต่เมื่อเขาได้เป็นประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2016
รุตเตอ ระบุต่อไปว่า อย่างไรก็ดีในเรื่องยูเครน นาโต ต้องให้สหรัฐเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ถ้ารัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่นี้ เต็มใจที่จะส่งเสบียง จากฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้ยูเครนต่อไป ค่าใช้จ่ายเหล่านั้น ก็จะถูกจ่ายโดยยุโรป ตนมั่นใจอย่างยิ่งว่า เราต้องเต็มใจทำเช่นนั้น เพราะตอนนี้พวกเขาจ่ายเงินมากกว่ายุโรป และทรัมป์ก็พูดถูก ที่บอกว่า ยุโรปควรจ่ายเงินให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้ยูเครนชนะสงคราม
นอกจากนี้ รุตเตอ ยังได้กล่าวกับ สำนักข่าวรอยเตอร์ นอกรอบการประชุมด้วยว่า หากสหรัฐ ยังคงส่งอาวุธให้ยูเครนต่อไป ก็เป็นเรื่องยุติธรรมที่ยุโรป จะต้องจ่ายภาระทางการเงินในการส่งมอบอาวุธเหล่านี้มากที่สุด แต่รุตเตอ ไม่ได้ระบุตัวเลขว่า ยุโรปจะจ่ายเท่าไร หรือบอกว่าเขาได้รับความยินยอมจากผู้นำยุโรปในเรื่องนี้หรือไม่
อย่างไรก็ดี รุตเตอ ยังขานรับ แนวคิด ประธานาธิบดี ทรัมป์ ที่ได้ขู่คว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ หากไม่ยอมบรรลุข้อตกลง เพื่อยุติสงครามกับยูเครน
เขากล่าวว่า ยินดีมากต่อจุดยืนของท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะทำการคว่ำบาตรต่อรัสเซียมากขึ้น โดยเรารู้ว่า เศรษฐกิจรัสเซียกำลังอยู่ในสภาพที่เลวร้าย และการคว่ำบาตรจะช่วยกดดันรัสเซีย” เขายังคาดหวังว่า ยุโรปจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเพื่อกดดันเศรษฐกิจรัสเซีย และลดเงินทุนที่จะสนับสนุนการทำสงครามของรัสเซีย
ขณะเดียวกัน ศาสตราจารย์ โอลิเวียร์ ชมิตต์ แห่งศูนย์ศึกษาสงคราม มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเดนมาร์ก ก็ได้แสดงความเห็นกับนิตยสารเลอพอยท์ ของฝรั่งเศส เมื่อถูกถามว่า ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป สามารถเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ของ GDP จากเดิม 2 เปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่ ซึ่ง ชมิตต์ บอกว่า ประเทศสมาชิกนาโตในยุโรป จะไม่สามารถเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมได้ เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจในชุมชน ยุโรป กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่หลายประการ เช่น ต้นทุนทรัพยากรพลังงานที่สูง และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ที่ไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ๆ เช่นกัน
ด้านมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ประเทศสมาชิกนาโต ที่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการทหาร ในกรุงบรัสเซลส์ ของเบลเยียม เมื่อช่วงเดือนนี้ ควรพิจารณาว่า คุ้มหรือไม่ ที่จะเชื่อมโยงชะตากรรมของตนกับกลุ่มทหาร ซึ่งเพิ่งเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งและสงครามหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
ซาคาโรวา กล่าวว่า เราขอเรียกร้องประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในงานนี้ ที่ยังไม่สัญญาว่า จะรับใช้เพื่อผลประโยชน์ของมหาเศรษฐีพันล้าน ให้ไตร่ตรองถึงผลประโยชน์ของชาติตนเอง และคิดว่าคุ้มหรือไม่ ที่จะผูกชะตากรรมของตนไว้กับกลุ่มกองทัพ ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานหลายทศวรรษในการรุกราน สงคราม การขัดแย้ง ประเทศที่ถูกทำลายล้าง ตลอดจนการสูญเสียพลเรือนนับล้านคน
ซาคาโรวา ตั้งข้อสังเกตว่า แผนความร่วมมือที่ สมาชิก NATO เสนอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ก็จบลงด้วยการแทรกแซงกิจการภายในของ NATO ต่อประเทศอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศ รวมถึง การบังคับใช้ค่านิยมเทียม และการทำลายกฎหมายระดับชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น