“ปูติน” ถือไพ่เหนือ พร้อมคุยแต่ไม่ใช่ “เซเลนสกี” ขณะเริ่มเข้าใกล้ “สันติภาพ”
ข่าวที่น่าสนใจ
หลังจากที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กดดันใส่ทั้ง 2 ฝ่าย ให้ยุติการสู้รบ ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มกราคม ต่อมา ก็ขู่คว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียหนักหน่วงขึ้น ขณะเดียวกันก็อ้างว่า ประธานาธิบดี เซเลนสกี พร้อมสำหรับเจรจาต่อรองข้อตกลง
ล่าสุด ประธานาธิบดี ปูติน กล่าวเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) กับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ ว่า เขาอาจเจรจาสันติภาพกับยูเครน แต่ปฏิเสธความเป็นไปได้ ที่จะพูดคุยโดยตรงกับ ประธานาธิบดี เซเลนสกี บุคคลที่เขาเรียกว่า เป็นผู้นำที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” เนื่องจาก หมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้ว ระหว่างกฎอัยการศึก
ปูติน ย้ำว่า ถ้าเซเลนสกี ต้องการเข้าร่วมการเจรจา ตนจะหาคนไปเข้าร่วมเอง และว่า ถ้ามีความปรารถนาเจรจาและหาทางประนีประนอม ให้ใครก็ได้เป็นแกนนำการเจรจา โดยธรรมชาติแล้ว เราจะพยายามบรรลุในสิ่งที่เหมาะกับเรา อะไรก็ตามที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของเรา”
ปูติน อ้างด้วยว่า การสู้รบจะยุติลงภายใน 2 เดือน หรือน้อยกว่านั้น หากตะวันตกหยุดแรงสนับสนุนที่มอบให้แก่เคียฟ ซึ่งพวกเขาจะไม่อยู่รอดเกิน 1 เดือนแน่ ถ้าเงินและกระสุนหมดเกลี้ยง ทุก ๆ อย่างจะจบลงภายใน 1 เดือน หรือไม่ก็ 2 เดือน
ด้าน เซเลนสกี ก็ตอบโต้ โดยโพสต์บน X ระบุว่า เคยมีโอกาสที่จะบรรลุสันติภาพอย่างแท้จริง แต่เป็น ประมุขวังเครมลิน ที่ทำลายความพยายามหยุดสู้รบ วันนี้ เป็นอีกครั้งที่ปูตินยืนยันว่า เขาเกรงกลัวที่จะเจรจา กลัวผู้นำที่เข้มแข็ง และทำทุก ๆ อย่างในความเป็นไปได้ที่จะลากยาวสงคราม
ทั้งนี้ เคียฟ ส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับการกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพใด ๆ ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ และกล่าวหา ปูติน ต้องการต้มตุ๋นทรัมป์
เวลานี้ความขัดแย้งยังไม่มีสัญญาณเบาบางลงใด ๆ แม้ ทรัมป์ สัญญาว่า จะหาทางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว
ขณะเดียวกัน เพจ การทูตและการทหาร Military & Diplomacy วิเคราะห์ไว้อย่างสนใจว่า
แม้ ทรัมป์ จะยังไม่ได้เจรจากับปูติน หรือ มีการยื่นข้อเสนอยุติสงครามยูเครนออกมาเป็นทางการ แต่ในสื่อ ก็มีการโยนหินถามทางออกมาเรื่อย ๆ
ล่าสุด มีข่าวในสื่อ Strana ของยูเครน เกี่ยวกับข้อเสนอสันติภาพ ที่เป็นไปได้ ซึ่งแม้ว่า รัฐบาลยูเครน จะออกมาปฏิเสธข่าวนี้ แต่ก็มีรายละเอียดน่าสนใจ น่าฟังไว้ผ่าน ๆ ก่อน … สรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้
1. ยูเครน ถอนทหารออกจากแคว้น Kursk ส่วนดินแดนยูเครน ที่รัสเซียยึดได้ ให้ถือว่า เป็นของรัสเซียโดยพฤตินัย ยูเครนจะไม่พยายามยึดดินแดนคืน ไม่ว่าโดยวิธีทางทหาร หรือทางการทูต แต่ไม่ต้องทำสนธิสัญญา หรือยอมรับโดยนิตินัย
2. ยูเครน จะไม่เข้าร่วม NATO โดยนอกจากยูเครนจะประกาศเป็นกลางแล้ว ฝั่ง NATO ก็จะต้องมีมติในที่ประชุม NATO ปฏิเสธการรับยูเครนเป็นสมาชิกเช่นกัน
3. ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียบางส่วน ทันทีที่มีการลงนามข้อตกลงสันติภาพ ส่วนที่เหลือจะทยอยยกเลิก ภายใน 3 ปี แต่จะมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากรัสเซียบางส่วน เพื่อใช้ฟื้นฟูยูเครน
4. ยูเครน จะเข้าเป็นสมาชิก EU ภายในปี 2030 โดย EU จะมีบทบาทหลักในการฟื้นฟูยูเครน
5. ยูเครน ไม่ต้องลดขนาดกองทัพ โดยสหรัฐฯ จะมีบทบาทหลักในการปรับปรุงกองทัพยูเครนให้ทันสมัย
6. ยูเครน ต้องยกเลิกมาตรการจำกัดสิทธิคนเชื้อสายรัสเซียทั้งหมด และพรรคการเมืองที่มีนโยบายโปรรัสเซีย จะต้องสมัครรับเลือกตั้งในยูเครนได้
7. ประเด็นเรื่องกองกำลังรักษาสันติภาพ จะถูกเลื่อนออกไปเจรจากันต่างหากอีกที
นี่เป็นข้อเสนอสันติภาพ ที่มีการโยนหินถามทางออกมาในสื่อล่าสุด ย้ำว่า ยังไม่ใช่ข้อเสนอเป็นทางการ ดังนั้นก็ฟังหูไว้หู ผ่าน ๆ ไปก็พอ แต่เบื้องต้น จากข้อเสนอนี้ มีรายละเอียดที่ต่างจากข้อเสนอที่มีข่าวออกมาคราวก่อนคือ เรื่องความเป็นกลางของยูเครน ที่รอบนี้ ยอมตามข้อเรียกร้องของรัสเซีย ให้ยูเครนเป็นกลางตลอดไป ไม่เข้าร่วม NATO โดยจะมีการประกาศออกมาจากทั้งฝั่งยูเครน และ NATO ในขณะที่ ข้อเสนอเดิมแค่ให้แช่แข็งการเข้าร่วม NATO ของยูเครนไว้ 20 ปี เท่านั้น
แม้ ยูเครน จะไม่ได้เข้าร่วม NATO แต่ข้อเสนอนี้ให้ยูเครนเข้าร่วม EU ได้ โดย EU จะเป็นผู้แบกรับภาระหลักในการฟื้นฟูยูเครน ขณะที่ EU แบกภาระด้านเศรษฐกิจไปนั้น สหรัฐ จะมีบทบาทหลักในการปรับปรุงกองทัพยูเครนให้ทันสมัย คือให้ยูเครนซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ นั่นเอง โดยที่อาจไม่มีการส่งทหารอเมริกันเข้าไปรักษาสันติภาพแต่อย่างใด
จากข้อเสนอที่มีการโยนหินถามทางมาล่าสุดนี้ จะเห็นได้ว่า มีการยอมรับข้อเรียกร้องของรัสเซียมากขึ้น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นกลางของยูเครน แต่ผมมองว่า ยังไม่เพียงพอ เช่น เรื่องดินแดนที่รัสเซียยึดได้ ถ้าไม่มีการยอมรับในทางนิตินัย ก็ไม่มีอะไรการันตีว่า จะไม่กลับมารบกันอีก เป็นต้น ทางด้านสหรัฐจะได้ออเดอร์อาวุธจากยูเครน โดยแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเกี่ยวกับยูเครนอีก ส่วน ยุโรป รับภาระด้านเศรษฐกิจไปเต็ม ๆ ถ้ามองในมุม America First ก็ถือว่า เป็นข้อตกลงที่ดีมากสำหรับสหรัฐฯ แล้ว
ต่อมา ยังโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า … ที่พูดถึงข้อเสนอสันติภาพ ที่มีการโยนหินถามทางมา ทางสื่อ Strana ของยูเครน ตอนนี้ผมจะแสดงความคิดเห็น ว่าฝั่งรัสเซียสามารถเรียกร้องอะไรเพิ่มเติม จากข้อเสนอดังกล่าวได้บ้าง โดยพิจารณาร่วมกับสถานการณ์สู้รบในตอนนี้
1. เรื่องผนวกดินแดน มองว่า รัสเซียเรียกร้องได้อย่างมากที่สุดก็ 4 แคว้น ที่ประกาศผนวกดินแดนไปแล้ว คือ Luhansk Donetsk Zaporizhzhia และ Kherson แม้รัสเซียจะยังยึดพื้นที่ของแคว้นเหล่านี้ได้ไม่ทั้งหมด แต่โดยภาพรวมน่าจะยึดได้เกิน 70% แล้ว ถ้าจะเรียกร้องส่วนที่เหลือบนโต๊ะเจรจาด้วย ก็พอเป็นไปได้อยู่ แต่เรื่องจะขยายไปผนวกแคว้น Kharkiv Mykolaiv หรือ Odessa มองว่ามากเกินไป อย่างมากที่สุด ก็อาจทำได้แค่เรียกร้องให้พื้นที่ชายแดนติดกับรัสเซีย ลึกกี่กิโลเมตรก็ว่ากันไป เป็นเขตปลอดทหาร ห้ามนำอาวุธหนักเข้ามาประชิดชายแดนรัสเซีย
2. เรื่องปลดอาวุธกองทัพยูเครน ในเมื่อรัสเซีย ไม่ได้มีชัยชนะเด็ดขาด ก็เรียกร้องได้ยากอยู่ และเมื่อรัสเซีย ไม่ต้องการให้มีกองกำลังรักษาสันติภาพ ซึ่งความจริงก็คือ ทหาร NATO เข้ามาอยู่ในยูเครน ก็ไม่มีอะไรการันตีว่ายูเครนจะไม่ใช้โดรนพิสัยไกลโจมตีรัสเซียอีก
ดังนั้น ว่ากันตามตรง ถ้าให้สหรัฐฯ คุมกำเนิดกองทัพยูเครนอยู่ห่าง ๆ แล้วคอยเจรจากับสหรัฐฯ ว่าให้ยูเครนมีอาวุธอะไรของสหรัฐฯ ได้บ้าง … แลกกับการที่ให้ทำลายพวกอาวุธพิสัยไกลที่ยูเครนพัฒนาเองทิ้งไป ทำนองเดียวกับตอนยุค 90 ที่สหรัฐและรัสเซียร่วมมือกันขัดขวางไม่ให้เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-160 ที่ยูเครนได้รับตกทอดจากโซเวียต ตกไปอยู่ในมือของจีน ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ … อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันไม่ให้สายเหยี่ยวใน NATO เช่น โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ฯลฯ ติดอาวุธให้ยูเครนเองโดยพลการด้วย
3. เรื่อง NATO และ EU ข้อเสนอล่าสุด ก็ยินยอมให้ยูเครนเป็นกลางในทางทหาร ไม่เข้าร่วม NATO แล้ว / ส่วน EU นั้น ที่ผ่านมา รัสเซียไม่ได้จริงจังเรื่องนี้มากเท่า NATO ยิ่งถ้าพรรคฝ่ายขวาในยุโรปที่มีนโยบายโปรรัสเซียชนะการเลือกตั้งได้มากขึ้น รัสเซียก็น่าจะสามารถผ่อนผันเรื่อง EU ได้ ….
ย้ำว่า นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น แต่จะเห็นได้ว่า จากข้อเสนอที่มีการโยนหินถามทางมานั้น ใกล้จะถึงจุดที่สามารถตกลงกันได้เรื่อย ๆ แล้ว
ถ้า ทรัมป์กับปูติน เริ่มเจรจากันโดยตรงเมื่อไหร่ สันติภาพก็ใกล้เข้ามาแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น