เจาะสนามเลือกตั้ง นายกอบจ.สุราษฎร์ธานี “กำนันศักดิ์-ป้าโส-หมอมุดสัง” สู้ดุเดือด
ข่าวที่น่าสนใจ
ส่วนการเลือกตั้ง นายกอบจ.เมื่อ 2563 นั้น นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว หรือกำนันศักดิ์ อดีตนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.สุราษฎร์ธานี นักธุรกิจคอกหอยแห่งอ่าวบ้านดอน ได้ 224,746 คะแนน ชนะ นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 7 สมัย ได้คะแนน 153,956 คะแนน อันดับ 3 นายมนตรี เพชรขุ้ม อดีตนายก อบจ.ปี 2552-2556 ได้คะแนน 40,194 คะแนน ถือเป็นการล้มช้างได้อย่างสมศักดิ์ศรี
กลับมารอบนี้ ที่แชมป์เก่า อย่าง กำนันศักดิ์ พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายกฯอบจ. ที่ต้องเจอศึกหนัก จากพรรคประชาชน ส่ง นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ หมอมุดสัง อดีตนายแพทย์ สสจ.สุราษฏร์ฯ และต้องเจอ นางโสภา กาญจนะ หรือ ป้าโส วัย 76 ปี จากกลุ่มพลังสุราษฏร์ เป็นอดีต สส. ที่ถือเป็นบ้านใหญ่ตัวจริง มีพลังสส.หนุนถึง 5 เขต ที่เป็นเครือญาติป้าโส สนามนี้จึงน่าจับตามองจึงต้องมาติดตามกัน
มีผู้สมัครชิงนายกอบจ.สุราษฏร์ธานี จำนวน 6 คน
1. นายสมพล สิงหพล (หมายเลข 1) – อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 พรรคอนาคตใหม่
2. นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว(กำนันศักดิ์) (หมายเลข 2) – อดีตนายก อบจ. คนล่าสุด และเจ้าของตำแหน่งเดิม
3. นายวิเชียร จันทร์บัว (หมายเลข 3) – ผู้สมัครอิสระที่ขอโอกาสนำพาจังหวัดก้าวไปข้างหน้า
4. นางโสภา กาญจนะ (ป้าโส) (หมายเลข 4) – อดีต ส.ส. สุราษฎร์ธานี ผู้สมัครจากกลุ่มพลังสุราษฎร์
5. นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ (หมอจิ หรือ หมอมุดสัง) (หมายเลข 5) – อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สุราษฎร์ธานี ผู้สมัครจากพรรคประชาชน
6. นายกฤษณ์ บุญประสพ (หมายเลข 6) – ผู้สมัครอิสระที่มีศักดิ์เป็นหลานชายของ “ป้าโส” โสภา กาญจนะ
โดยการจับตามองตัวเต็ง 3 คนในสนามการแข่งขันครั้งนี้คือ
กำนันศักดิ์ หรือ พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว วัย 55 ปี อดีตนายก อบจ. กลับมาสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้ง หวังป้องกันแชมป์และครองเก้าอี้นายก อบจ. ต่อไป โดยครั้งนี้ลงสมัครในนามกลุ่มคนรักสุราษฎร์ ได้หมายเลข 2 พร้อมแรงสนับสนุนจากกองเชียร์ล้นหลามและ ส.ส. ในกลุ่มเดียวกัน อีกทั้งยังมีนายมนตรี เพชรขุ้ม อดีตนายกอบจ.สุราษฎร์ฯ ที่มีฐานเสียงในพื้นที่ดี ทำให้เสริมพลังได้อย่างมาก
กำนันศักดิ์ เป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองทำงานหนัก ผลงานชัดเจน ชูจุดเด่นด้านความกล้าคิด กล้าทำ และการพัฒนานโยบายใหม่ ๆ ภายใต้ 7’s Model สุราษฎร์สมาร์ท ที่ครอบคลุมทั้งสุขภาพดี โรงเรียนดี เกษตรกรรมดี และสิ่งแวดล้อมดี ทำให้ประชาชนให้การสนับสนุนอย่างล้นหลาม
นายแพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ หรือ “หมอมุดสัง” วัย 51 ปี จากพรรคประชาชน อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำเสนอวิสัยทัศน์ “สุราษฎร์ธานี ดีกว่านี้ได้” พร้อมนโยบาย 5 เปลี่ยน มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ แก้ปัญหายาเสพติด และยกระดับการศึกษา โดยพื้นที่นี้ “ทิม” พิธา เพิ่งลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีกระแสเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ป้าโส” นางโสภา กาญจนะ วัย 76 ปี อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานีหลายสมัย ภรรยา นายชุมพล กาญจนะ จากกลุ่มพลังสุราษฎร์ มาพร้อมความแข็งแกร่งของ “บ้านใหญ่” ที่มีฐานเสียงจาก ส.ส. 5 เขต ประกาศท้าชนแชมป์เก่าทวงศักดิ์ศรีคืนบ้านใหญ่เมืองสุราษฎร์ ด้วยสถานะ “ตัวจริง” จากบ้านใหญ่ ที่มีทั้งตำแหน่งอดีตประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ทำงานกับกลุ่มสตรีทั้งจังหวัดกว่า 200,000 คน ในศึกครั้งนี้ ป้าโส มั่นใจยิ่งกว่าทุกครั้งว่าจะเดินเข้าสภาในฐานะ นายก อบจ.หญิงคนแรกของจังหวัดสุราษฎร์อย่างแน่นอน
เมื่อช่วงหาเสียงผ่านมาหลายสัปดาห์ คะแนนนิยมสภากาแฟ มองว่าลดต่ำลงจาก ช่วงเปิดตัวแรกๆ ที่มีการระดมผู้นำในท้องที่ได้จำนวนมาก แต่หลังจากวันรับสมัครนายกอบจ. เหล่า สจ.ต่างๆได้ย้ายไปอยู่ฝั่งกำนันศักดิ์ เป็นส่วนใหญ่ บวกกับด้วยวัยที่สูง การลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงพี่น้อง จึงยังเป็นรองจาก กำนันศักดิ์ และ หมอมุดสัง ค่ายส้ม ทำให้คะแนนนิยม ยังตามหลังอยู่พอสมควร
และปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ป้าโส คะแนนนิยมลดลง ผลจากเวทีดีเบต ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้จัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการเลือกตั้งผู้นำนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ภายในงานยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้พบปะผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยผู้สมัครนายก อบจ.ขึ้นเวทีด้วยตัวเอง 4 คน ซึ่งผู้สมัครหมายเลข 4 นางโสภา กาญจนะ จัดส่งตัวแทนขึ้นเวทีแทน และผู้สมัคร หมายเลข 6 ปฏิเสธในการเข้าร่วม
ทั้งนี้ การจัดเวทีดีเบตดังกล่าว ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเลือกตั้งนายก และสมาชิกสภา อบจ.สุราษฎร์ธานี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาสังคมแนวนโยบายในการพัฒนาท้องถิ่น และเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจ แต่ป้าโส หรือ นางโสภา กาญจนะ ไม่ได้มาด้วยตัวเองแต่เลือกส่งตัวแทนขึ้นดีเบต จึงทำให้คะแนนนิยมลดลงเป็นอย่างมาก ต้องมาลองดูกันว่า ทีมงานกลุ่มพลังสุราษฎร์ นำโดย นางโสภา กาญจนะ จะแก้สถานการณ์อย่างไร จะพลิกเกมกลับมาได้หรือไม่
กระแสร้อนแรงเมื่อ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) ออกมาเปิดเผยถึงการซื้อเสียงเลือกตั้งที่จ.สุราษฎร์ธานีที่ซื้อกันหัวละ 500 บาท เป้าหมาย ยิง 400,000 คน ซึ่งได้ใชเงินกว่า 200 ล้านบาท ล่าสุด นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้สั่งให้สำนักงาน กกต. ได้ติดตามข้อมูลเบาะแสเรื่องซื้อเสียง และพยายามรวบรวมข้อเท็จจริง และแสวงหาพยานหลักฐานมาโดยตลอด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ โดย สำนักงาน กกต. มีชุดปฏิบัติการข่าวในทุกจังหวัด และในทุกๆ แห่งที่มีข่าวว่ามีการซื้อเสียง ทาง สำนักงาน กกต. ก็ได้ส่งชุดสืบสวนจากส่วนกลางลงไปปฏิบัติหน้าที่ด้วย
การเลือกตั้งอบจ.สุราษฎร์ธานีครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเมืองท้องถิ่นที่มีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี การเลือกตั้งครั้งนี้จะชี้ชะตาว่าผู้นำคนใหม่จะเป็นใคร และทิศทางการพัฒนาของจังหวัดจะเดินไปในเส้นทางใด การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนประมาณ 800,000 คน ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้เข้ามาบริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีในสมัยต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น