ประธานาธิบดีทรัมป์ โพสต์บน ทรูธ สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง เมื่อวันที่ 30 มกราคมตามเวลาท้องถิ่นว่า แนวคิดที่ว่ากลุ่มประเทศ BRICS กำลังพยายามถอยห่างจากดอลลาร์ โดยที่สหรัฐฯได้แต่เฝ้ามองและยืนดูนั้น สิ้นสุดลงแล้ว สหรัฐฯต้องการให้ประเทศที่ดูเหมือนเป็นอริเหล่านั้น ให้คำมั่นว่าจะไม่สถาปนาเงินสกุลใหม่ของกลุ่มบริกส์ หรือหันไปใช้เงินสกุลอื่น ๆ แทนเงินดอลลาร์อันยิ่งใหญ่ มิเช่นนั้น พวกเขาจะเจอกับภาษีศุลกากร 100% และเตรียมอำลากับการขายสินค้าให้กับเศรษฐกิจอันมหัศจรรย์ของสหรัฐฯ
โพสต์ของทรัมป์ล่าสุด ซึ่งเนื้อหาคล้ายกับที่เคยโพสต์เมื่อ 30 พฤศจิกายน ระบุด้วยว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ บริกส์จะหาเงินสกุลใดมาแทน ยูเอส ดอลลาร์ ในการค้าระหว่างประเทศ หรือที่ไหนก็ตาม ประเทศใดที่พยายามทำเช่นนั้น เตรียมกล่าวทักทายกับภาษี และ โบกมือลา อเมริกาได้เลย
BRICS ซึ่งประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ กับประเทศอีกจำนวนหนึ่งที่เพิ่งเข้าร่วมในช่วงสองปี ยังไม่มีระบบเงินตราสกุลเดียว แต่เป็นหัวข้อหาที่หารือกันมานาน และเริ่มเข้มข้นหลังจากตะวันตกแซงชั่นรัสเซียที่บุกยูเครน
วันเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ บอกผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานในทำเนียบขาวว่า เขาจะทำตามที่เคยพูดไว้ว่า จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% ในวันเสาร์นี้ (1 กุมภาพันธ์) เพื่อมุ่งสะสางปัญหาการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการไหลบ่าของเฟนทานิล ยาเสพติดที่สร้างปัญหาในสหรัฐฯ นอกเหนือจากแก้เสียดุลการค้า แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเก็บภาษีน้ำมันนำเข้าจากสองเพื่อนบ้านด้วยหรือไม่
หากน้ำมันที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ถูกเก็บภาษีด้วย อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้ค่าครองชีพแพงขึ้น สวนทางกับคำสัญญาของทรัมป์ที่จะทำให้ค่าครองชีพถูกลง
ในทางทฤษฎี การเก็บภาษีสินค้าที่เข้าไปในประเทศ หมายถึงผู้บริโภคจะซื้อน้อยลง เพราะราคาแพงขึ้น คนจะหันไปซื้อของผลิตในประเทศที่ราคาถูกกว่าแทน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต้นทุนพลังงานนำเข้าอันเกิดจากภาษี จะถูกส่งต่อไปให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภค นั่นหมายความว่าราคาของทุกอย่างตั้งแต่ของชำจนถึงน้ำมัน จะถีบตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ น้ำมันดิบที่เข้าสู่โรงกลั่นในสหรัฐฯ เป็นน้ำมันนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดากว่า 71% อ้างอิงจากสถิติปี 2566 โดยในจำนวนนี้เกือบ 60% มาจากแคนาดา
แมททิว โฮล์มส์ รองประธาน และหัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะหอการค้าแคนาดา กล่าวว่า ภาษีที่ทรัมป์เรียกเก็บ จะกลายเป็นการเก็บภาษีอเมริกาก่อน หรือ tax America first ในรูปของต้นทุนที่แพงขึ้น เป็นแนวทางที่สูญเสียกันทั้งคู่
แคนาดาและเม็กซิโก ประกาศว่าจะตอบโต้ภาษีศุลกากรสหรัฐ ขณะเดียวกันก็กำลังดำเนินมาตรการหลายอย่าง เพื่อให้สหรัฐฯเห็นถึงความพยายามแก้ปัญหาที่ชายแดน
ส่วนในกรณีของจีน ทรัมป์กล่าวว่า จีนยังคงส่งออกสารเคมีใช้ผลิตเฟนทานิล ยาเสพติดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นแสนๆคนในสหรัฐฯ ดังนั้นก็จะต้องเจอกับภาษีเช่นเดียวกัน แต่เขากำลังตัดสินใจอยู่ ท่าทีของทรัมป์ในเรื่องการเก็บภาษีจีน คู่แข่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ยังไม่นิ่ง ช่วงหาเสียงเคยขู่ว่าจะเรียกเก็บสูงสุดถึง 60% แต่ในวันสาบานตนรับตำแหน่ง ทรัมป์บอกว่ากำลังพิจารณาอัตราภาษีที่ 10% และเมื่อสัปดาห์ก่อน ทรัมป์บอกว่าอาจจะไม่ใช้มาตรการภาษีกับจีนหากเป็นไปได้