AP, CNN และ BBC รายงานว่ากระทรวงการคลังจีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ (อังคารที่ 4 กพ.) โดยมีคำสั่งให้เก็บภาษีถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลวนำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 15% และเก็บภาษี 10% สำหรับน้ำมันดิบ, เครื่องจักรด้านการเกษตร, รถปิคอัพและรถเครื่องยนต์ใหญ่ โดยให้เริ่มบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้แถลงการณ์ระบุว่าการขึ้นกำแพงภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐถือเป็นการละเมิดกฎองค์การการค้าโลกหรือ WTO ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาข้อพิพาทแล้ว ก็ยังทำลายความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐด้วย
นอกจากนี้สำนักงานควบคุมด้านการตลาดจีนยังมีคำสั่งให้สอบสวน “Google” ของสหรัฐว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดหรือไม่
พร้อมกันนี้จีนก็ประกาศควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก 25 ชนิด รวมทั้งทังสเตน, เทลลูเรียม, บิสมัธและอินเดียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตสินค้าเทคโนโลยีไฮเทค ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐ
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์จีนก็ยังประกาศให้สองบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เป็น
”หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ” คือ “พีวีเอช กรุ๊ป (PVH Group) “ ที่เป็นเจ้าของแคลวิน ไคล์น (Calvin Klein) และทอมมี่ ฮิลฟิกเกอร์ (Tommy Hilfiger) ส่วนอีกบริษัทคือ
“อิลูมิน่า (Illumina) ธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพที่มีสำนักงานในประเทศจีน โดยมีคำสั่งห้ามนำเข้าส่งออกและลงทุนในโครงการใหม่ในประเทศจีน
ทั้งนี้จีนประกาศใข้มาตรการเหล่านี้เพื่อตอบโต้สหรัฐที่สั่งเก็บภาษีสินค้านำเข้าทุกชนิดจากจีน 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมต่อสายพูดคุยกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงภายในวันสองวันนี้
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ลงนามคำสั่งให้ตั้งกำแพงภาษีเม็กซิโกและแคนาดา 25% จีน 10% โดยมีผลบังคับใช้วันนี้ แต่ล่าสุดทรัมป์ได้เลื่อนการเก็บภาษีเม็กซิโกและแคนาดาออกไป 30 วันหลังจากสองประเทศประกาศใช้มาตรการคุมเข้มพรมแดนที่เข้มงวดขึ้น