‘ชูวิทย์ ’ อธิบายชัด ๆ 8 ข้อผิดพลาด เหตุศาลยกฟ้องคดี‘ตู้ห่าว’
ข่าวที่น่าสนใจ
11 ก.พ.68 ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว จำเลยที่ 2 / พันตำรวจเอกหญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ อดีตภรรยาของตู้ห่าว เป็นจำเลยที่ 8 กับพวกรวมกัน 25 คน โดยศาลพิเคราะห์แล้ว มีคำสั่งยกฟ้อง ตู้ห่าว พร้อมอดีตภรรยาของตู้ห่าว และพวกรวม 19 คน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ที่ออกมาแฉกลุ่มมาเฟียจีนเทาในประเทศไทย จนนำไปสู่การจับตู้ห่าว ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงความผิดพลาดในคดีของตู้ห่าว ดังนี้
1.การวางแผนจับกุมที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จนปล่อยผู้ต้องหาไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีการสอดแนม เก็บข้อมูลจำนวนคน จำนวนพนักงาน จนมีการปล่อยผู้ต้องหาไปจำนวนมาก ซ้ำยังปล่อยนักท่องเที่ยวจีนที่ฉี่ไม่ม่วงออกไปตามหากุญแจรถแล้วขับรถหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จีนเทาขนของหนี แถมมีเวลาซ่อนยา และที่สำคัญ จับตัวการสำคัญไม่ได้ ปล่อยหนีหายไป (นายหวัง เจิ้น หนาน หลานชายตู้ห่าว) ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
2.เก็บหลักฐานแบบขยัก เว้นวรรค ไม่ครบถ้วน ที่เกิดเหตุมี 3 อาคาร คือ อาคารจินหลิง อาคารลีลา อาคารวิบวับคาร์วอช วันแรก 26 ตุลาคม 2565 ค้นแค่อาคารจินหลิง พบยาเสพติด 4 กิโลกรัม เว้นวรรคไปอีก 5 วัน เพิ่งไปค้นอาคารวิบวับ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 พบยาเสพติดเกือบ 1 กิโลกรัม แต่ไปบันทึกเลขคดีในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 บอกว่าไม่พบผู้กระทำความผิด ทั้งที่ความเป็นจริงพบ นายเหมา หยาง ในกล้องวงจรปิด และความจริงอาจมียาเสพติดมากกว่านั้นเพราะเป็นโกดังขนาดใหญ่ แต่ขนหนีออกไปได้
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 รองผบตร อัยการ ปปส. ไปตรวจที่เกิดเหตุเพิ่มเติมยังพบของกลาง ถาดไม้ หลอดดูด ที่ปั่นจมูก ชิป อุปกรณ์เล่นการพนัน และพบรถของกลางอีก 11 คัน ยังไม่ได้ตรวจค้น แถมยังตรวจค้นรถตู้ของหลานชายตู้ห่าว ทะเบียน 8กภ 1234 กรุงเทพฯ ในที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เสพยาในรถ
3.การปล่อยรถของกลาง และผู้ต้องหารายสำคัญ ปล่อยหลานชายตู้ห่าว หวัง เจิ้น หนาน ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะรถอัลพาร์ดยังอยู่ อีกทั้งยังปล่อยผู้ต้องหากลางทาง นายหวัง เทียนฮุย ไปด้วย และมีการปล่อยรถเบนซ์ S Class สีดำ ของ เดวิด ฮอลล์ รวมแล้วปล่อยรถของกลางไป 4 คัน
4.ผู้ทำสำนวนเป็นหัวหน้าของตำรวจที่ปล่อยรถคืนให้กับผู้ต้องหา
5.การตัดต่อกล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์มี 4 ตัว จินหลิง+วิบวับ 2 ตัว 40 กล้อง และลีลา 2 ตัว 68 กล้อง แต่ส่งกล้องให้พิสูจน์หลักฐานแค่ 1 เซิร์ฟเวอร์ โดยส่งให้พิสูจน์แค่วันที่ 21-26 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้ เพื่อปิดบังบ่อนในอาคารลีลา และปิดบังไม่ให้เห็นตู้ห่าว กับหลาน
6.ออกหมายจับตู้ห่าวล่าช้า บุกจับจินหลิงวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ออกหมายจับ 22 พฤศจิกายน 2565
7.แจ้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าวล่าช้า ตู้ห่าว โดนข้อหา ยาเสพติดร้ายแรง และข้อหายาเสพติดเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน แต่ไม่ยอมตั้งข้อหาตั้งแต่แรก เหมือนจงใจให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน จนเจอเงินในบัญชีตู้ห่าวแค่ 1 แสนบาท จนกระทั่ง 24 ธันวาคม 2565 แจ้งข้อหา “ฟอกเงิน” กับคนสนิทตู้ห่าว แต่ยังไม่แจ้งข้อหา “ฟอกเงิน” กับตู้ห่าว (มาแจ้งในภายหลัง)
8.ท้ายสุดเจ้าของสำนวนทำผิดพลาดจน ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด ต้องมาทำคดีเอง แต่หลักฐานต่างๆ ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น