เจ้าของบ้านร้องสื่อ อ้าง ‘ครูปรีชา’ ค้างค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ-ค่าไฟ ปล่อยทรุดโทรม ขนของหนี

เจ้าของบ้านร้องสื่ออ้าง ‘ครูปรีชา’ ค้างค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ-ค่าไฟ จนถูกตัดไฟ แถมปล่อยบ้านโทรมและขนข้าวของหนีหาย ขณะครูปรีชา ลั่น ไม่ได้ขโมยของ และไม่ได้ทำผิดสัญญา เตรียมฟ้องกลับหากถูกแจ้งความเป็นคดี

เจ้าของบ้านร้องสื่อ อ้าง ‘ครูปรีชา’ ค้างค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ-ค่าไฟ ปล่อยทรุดโทรม ขนของหนี

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อวันที่ 16 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นางพิมลวรรณ กลั่นผลหรั่ง อายุ 57 ปี ว่าถูก นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ “ครูปรีชา” จำเลยในคดีหวย 30 และเจ้าของวลีเด็ด “ความจริงก็คือความจริง” เข้ามาขอเช่าบ้านเพื่อเปิดเป็นร้านอาหาร แต่สุดท้ายพอหมดสัญญากลับไม่ยอมจ่ายค่าเช่า แถมค้างค่าน้ำ-ค่าไฟ จนถูกตัดไฟ อีกทั้งทรัพย์สินเดิมที่เคยอยู่ภายในบ้านก็หายเกลี้ยง แถมสภาพบ้านทรุดโทรมปล่อยให้สกปรกหลายจุด

 

 

 

นางพิมลวรรณ เปิดเผยว่า “ครูปรีชา” ได้มาติดต่อขอเช่าบ้านหลังที่ตนเองเคยอยู่อาศัยในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านสวนขนาดใหญ่เนื้อที่ 2 ไร่เศษ โดยเริ่มทำสัญญาเช่ากันตั้งแต่ปี 2560 ในราคาเดือนละ 5,000 บาท แรกเริ่มทำสัญญากันครั้งละ 3 ปี ซึ่งก็มีการต่อสัญญากันเรื่อยมา กระทั่งเมื่อปี 66 ตนเห็นว่าการทำสัญญา 3 ปี นั้นนานเกินไป จึงเปลี่ยนมาทำสัญญาเช่าแบบปีต่อปี กระทั่งสัญญาเช่ามาหมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้ ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกับครูปรีชา และครูปรีชาขอเวลาย้ายของออกจากบ้านหลังดังกล่าว จนถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

หลังครูปรีชาย้ายของออกไป ตนได้เข้ามาดูสภาพบ้าน ทำให้ตนถึงกับตกใจเข่าแทบทรุด เนื่องจากพบว่า สภาพบ้านที่เคยให้ครูปรีชาเช่าไปในสภาพสมบูรณ์นั้น กลับมีสภาพชำรุดทรุดโทรมและสกปรกเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่บริเวณด้านหน้าบ้าน ที่เคยเป็นลานจอดรถเนื้อที่กว้างขวาง ก็มีการมาขุดพื้นที่เพื่อทำเป็นบ่อปลาขนาดเล็ก แต่พอครูปรีชาย้ายออก ก็ไม่ได้นำดินมาถมกลับให้เป็นเหมือนในสภาพเดิม แถมยังมีการนำเอาเศษขยะต่างๆ มากองทิ้งไว้ในบ่อดังกล่าวจนมีสภาพสกปรก

พื้นที่ด้านข้างบ้าน ที่เคยเป็นพื้นที่เดินเล่นพักผ่อน ก็ถูกขุดเพื่อทำเป็นร่องน้ำขนาดใหญ่ แถมยังมีการนำเอาเศษใบไม้ซากกิ่งไม้แห้งมากองทิ้งไว้จำนวนมาก ไม่มีการนำดินมาถมกลับให้กลายเป็นสภาพเดิมเช่นกัน สภาพห้องครัวก็อยู่ในสภาพสกปรก คล้ายกับไม่เคยทำความสะอาดดูดควัน ที่สำคัญ บ้านหลังนี้ยังถูกค้างค่าเช่าอีก 1 เดือน รวมถึงยังค้างค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีก 2 เดือน รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 4,000 บาท จนถูกตัดไฟไปในที่สุด

นางพิมลวรรณ ยืนยันว่า สภาพภายในบ้าน ตอนที่ครูปรีชามาติดต่อขอเช่านั้น ตนได้บอกกับครูปรีชาไว้ว่า ขอแบ่งห้องไว้ 1 ห้อง เพื่อไว้เก็บทรัพย์สินของตนเองที่ไม่ได้ขนออกไป โดยตนได้เก็บห้องดังกล่าวไว้สำหรับใช้เก็บเสื้อผ้า จานชาม พัดลม และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยตนได้ล็อคกุญแจเอาไว้อย่างดี แต่ปรากฏว่า เมื่อครูปรีชาย้ายออกไป ห้องดังกล่าวกลับถูกงัดประตูจนพัง และข้าวของที่อยู่ภายในห้องก็ถูกขนออกไปจนหมด

ที่ผ่านมา ตนพยายามติดต่อเพื่อขอพูดคุยกับครูปรีชา ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวบ้านและเรื่องของค่าไฟที่ค้างอยู่ แต่ครูปรีชาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนตนเองตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ทางตำรวจได้พยายามขอให้ครูปรีชามาพูดคุยตกลงกับตนที่โรงพัก แต่ก็ไม่ยอมมาอ้างติดธุระต่าง ๆ ทำให้ตนเครียดไม่รู้จะหาทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร จึงตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาร้องสื่อมวลชน เพื่้อให้ครูปรีชาออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้่น

ตอนที่ให้ครูปรีชาเช่าบ้านหลังดังกล่าว ไปเปิดเป็นร้านอาหารนั้น ยอมให้เช่าด้วยความไว้ใจ เพราะครูปรีชาพูดกับตนด้วยคำว่าเพื่อนทุกคำ และรับปากว่าจะดูแลบ้านของตนอย่างดี แต่สุดท้าย กลับเหมือนกันฝากแมวไว้กับปลาย่าง บ้านพังเสียหาย ครูปรีชาก็ไม่เคยออกมารับผิดชอบใด ๆ จึงอยากเรียกร้องให้ครูปรีชา ออกมารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นและมาเจรจาตกลงให้เรียบร้อยด้วย

 

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อหาครูปรีชา โดยครูปรีชา อ้างว่า ไม่อยู่ในพื้นที่ เนื่องจากกำลังเดินทางไปติดต่อธุระที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว ทางครูปรีชายอมรับว่า ได้มีการเช่าบ้านหลังดังกล่าวกับนางพิมลวรรณจริง แต่ตนเองไม่ได้ขโมยเอาทรัพย์สินของนางพิมลวรรณที่อยู่ในห้องดังกล่าวไป อย่างที่ถูกกล่าวอ้าง อีกทั้งในสัญญาเช่าบ้านก็ไม่ได้มีระบุไว้ว่านางพิมลวรรณ เก็บรักษาทรัพย์สินรายการใด ๆ เอาไว้ในห้องดังกล่าว

 

ส่วนเรื่องของสภาพบ้านที่ชำรุดทรุดโทรมนั้น ครูปรีชายืนยันว่า ที่ผ่านมามีการซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง แต่อยู่อาศัยมานานบ้านก็ต้องทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ส่วนที่ไม่ยอมถมบ่อปลานั้น ก็เป็นเพราะ นางพิมลวรรณนำกุญแจมาล็อคประตูบ้าน จนตนไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใด ๆ ได้ ครูปรีชายังยืนยันอีกว่า ไม่ได้ทำผิดสัญญาเช่าใด ๆ และหากนางพิมลวรรณ จะแจ้งความดำเนินคดีกับตน ตนเองก็พร้อมต่อสู้คดีในชั้นศาล และจะฟ้องกลับ นางพิมลวรรณด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สระบุรีผวา! กระบะตู้ทึบ ไล่จับเด็กยัดใส่รถช่วงปิดเทอม โชคดีมีคนเจอ
"อาจารย์โต้ง" มองปม "หนุ่มจีน" ฆ่าโหดสาวสอง มีภาวะทางจิต ไม่เกี่ยวค้าอวัยวะมนุษย์-ความเชื่อไสยศาสตร์
"ทักษิณ" ย้ำไม่ห่วงคดีชั้น 14 แขวะ "เสรีพิศุทธ์" ทำตัวดี ๆ เผื่อได้เป็นรองนายกฯ
"เพชร กรุณพล" กร่างหนัก ป้อง "ดร.พอล" โดนร้องคดีผิด 112 วิจารณ์กลับ พวกรัก เทิดทูน สถาบันฯ
"ดนุพร" ขิงใส่ "บิ๊กป้อม ไม่ง้อพปชร. ลั่น 314 เสียง รัฐบาลมีเสถียรภาพแล้ว ชี้สส.ย้ายพรรคเป็นเอกสิทธิ์
ฝนดาวตก 'ไลริดส์' เจิดจรัสกลางฟ้าเสฉวน
ทรัมป์เรียกร้องปานามา-อิยิปต์เลิกเก็บค่าผ่านทางเรือสหรัฐ
คนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนที่นครแวนคูเวอร์ของแคนาดา
สุดใจบุญ “ลุงป้า” ขอส่งต่อเงินบริจาคบางส่วน มอบผู้เสียหาย เหยื่อลูกนักการเมือง อีกราย
"บิ๊กป้อม" อารมณ์ขึ้น ลั่นดังไม่ร่วมรัฐบาล มั่นใจไม่มีสส.พลังประชารัฐย้ายพรรค

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น