“สมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ” เตือน ASF ยังระบาดทั้งภูมิภาค ดันต้นทุนป้องกันโรคพุ่ง

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เตือนภาวะโรค ASF (African Swine Fever) ยังคงระบาดเรื้อรังในภูมิภาคเอเซียและประเทศเพื่อนบ้าน ดันต้นทุนการป้องกันโรคสูงขึ้นต่อเนื่อง ผู้เลี้ยงหมูไทยเดินหน้าป้องกันเข้มแข็งตามหลักวิชาการและมาตรฐานสากลเพื่อคุณภาพเนื้อสัตว์ที่ดี ยืนยันคนไทยมีเนื้อหมูปลอดภัยบริโภคอย่างเพียงพอในราคายุติธรรม

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า โรค ASF เป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรทั่วโลกเพราะเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วในฟาร์ม ทำให้สุกรเสียชีวิตได้ในระยะเวลาอันสั้น ยังคงแพร่ระบาดในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน เวียดนามและฟิลิปปินส์ ทั้งยังเป็นปัจจัยลบที่มีผลให้การผลิตสุกรในภูมิภาคผันผวน มีผลต่อต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยทางชีวภาพปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีการผลิตสุกรจำนวนมาก ผู้เลี้ยงสุกรจึงต้องรับภาระต้นทุนป้องกันโรคสูงขึ้นต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดได้

ทั้งนี้ ต้นทุนการป้องกันโรค ASF ที่สูงขึ้น มาจากความจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดทั้งในเรื่องของการตรวจสอบสุขภาพสุกร การกำจัดสุกรที่ติดเชื้อ การใช้วัคซีนป้องกันโรค และการเสริมสร้างความเข้มแข็งในฟาร์ม หากพบการติดเชื้อ ฟาร์มต้องมีการทำลายสุกรที่ติดเชื้อทันที และดำเนินการฆ่าเชื้อสถานที่และอุปกรณ์ทั้งหมด ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสุกรสูงขึ้น ซึ่งในบางกรณีอาจทำให้ฟาร์มบางแห่งไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ และเป็นสาเหตุให้ผลผลิตขาดแคลนในบางครั้ง ทำให้ราคามีการปรับขึ้น-ลงตามกลไกตลาด (Demand-Supply) นับเป็นความท้าทายที่ผู้เลี้ยงสุกรในไทยต้องเผชิญในการผลิตเนื้อหมูอย่างยั่งยืน

Breeders pink pigs on a farm in countryside, Farm pig concept

ข่าวที่น่าสนใจ

“โรค ASF เป็นบทเรียนสำคัญของผู้เลี้ยงหมูไทย และเราไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แม้จำเป็นต้องลงทุนกับการป้องกันโรคสัตว์สูงขึ้นมากก็ตาม อีกทั้งราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แม้จะปรับลงบ้างแต่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก ซึ่งขณะนี้ต้นทุนการผลิตของไทยปรับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 75-77 บาทต่อกิโลกรัม และไม่ใช่ไทยเพียงประเทศเดียวแต่ทั่วทั้งภูมิภาคต้องเผชิญกับต้นทุนป้องกันโรคไม่ต่างกัน เพื่อรับผิดชอบต่อผู้บริโภค” นายสิทธิพันธ์ กล่าว

นายสิทธิพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไทย ควรเร่งดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีวัคซีนป้องกันโรค ASF ที่มีความปลอดภัยและสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งต้องเป็นวัคซีนที่ได้การรับรองจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคในอนาคตและเพิ่มความมั่นคงในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศ ช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร ซึ่งหากประเทศไทยสามารถพัฒนาและนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาใช้ได้ จะส่งผลดีต่อการแข่งขันของไทยในตลาดโลก สร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมสุกรทั้งในด้านการผลิตและการส่งออก

 

อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงสุกรในประเทศไทยมีมาตรการป้องกันโรค ASF ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการตรวจสอบและควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวด ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์สุกร การควบคุมความสะอาดในฟาร์ม ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพเนื้อหมูก่อนการจำหน่าย และยังมีระบบการตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐที่เชื่อถือได้ เช่น สำนักงานปศุสัตว์ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งให้การรับรองว่าเนื้อหมูที่ผลิตในประเทศมีคุณภาพ เพื่อสร้างหลักประกันให้คนไทยมั่นใจว่าจะยังคงได้รับเนื้อหมูที่ปลอดภัยในราคายุติธรรม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทรัมป์ขู่เก็บภาษีแคนาดา-เม็กซิโกหลังเลื่อน 1 เดือน
สลด "ทางด่วน" เกาหลีใต้ ถล่ม ดับ 4 "บินเกาหลี" วกกลับด่วน หวั่นบึ้ม
รอดนอนคุก ศาลให้ประกันตัว "อัจฉริยะ" คดีละเมิดอำนาจศาล
“ครม.” ไฟเขียว “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ใช้จ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าได้
"ภูมิธรรม" เดินทางเข้าร่วมประชุมรมว.กลาโหมอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ ณ รัฐปีนัง มาเลเซีย รับมือภัยคุกคามความมั่นคง
“ไตรศุลี” เลขา​ฯ มท.1 บุก​พิสูจน์ปม ​“ชาวอิสราเอล” ยึดปาย ยืนยันแค่เฟกนิวส์
“ครม.” ไฟเขียวแล้ว เลือกตั้งซ่อม สส.บึงกาฬ เขต 2 แทน “สุวรรณา กุมภิโร”
ลุยต่อเนื่อง! เยาวชนคนรุ่นใหม่ One Young World เครือซีพี ทีม Fightหมอกควัน ลงพื้นที่อมก๋อย ร่วมอาสาดับไฟป่า ทำแนวกันไฟ ฝ่าวิกฤติฝุ่นควัน
สธ. เตือน "ไข้หวัดใหญ่" ป่วยแล้ว 1.3 แสนราย ตาย 12 ราย จับตาเชื้อดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ ย้ำวัคซีนใช้ได้
ทรัมป์เผยปูตินไฟเขียวยุโรปส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น