“ตร.ไทย-ตร.สิงคโปร์” บุกจับแฮกเกอร์มือพระกาฬ โจมตีฐานข้อมูลทั่วโลกขายตลาดมืด

ตำรวจปอท. จับมือตำรวจสิงคโปร์ นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี บุกตรวจค้นจับกุม มือแฮกเกอร์ระดับโลก ชาวสิงคโปร์ โจมตีระบบฐานข้อมูลในหลายประเทศ ก่อนนำข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จากการโจมตี ขายเว็บไซด์ตลาดมืด พบประเทศไทยถูกโจมตีระบบ 20 ราย ส่วนต่างประเทศ 50 รายตั้งแต่ปี 63

“ตร.ไทย-ตร.สิงคโปร์” บุกจับแฮกเกอร์มือพระกาฬ โจมตีฐานข้อมูลทั่วโลกขายตลาดมืด – Top News รายงาน

 

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราปบรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) ,พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ผู้กำกับการ1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผกก.1 บก.ปอท) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกันจับกุม นายเชีย (Mr. Chia) อายุ 39 ปี สัญชาติสิงคโปร์พร้อมของกลาง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ส่วนควบ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล จำนวนหลายรายการ และตรวจยึดทรัพย์สินประกอบด้วย รถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

พร้อมแจ้งดำเนินคดี ฐาน “เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน,เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และพยายามกรรโชกทรัพย์ และคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด”

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์กับ กก.1 บก.ปอท.หลังพบว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีบัญชีผู้ใช้งาน X ในนาม “0mid16B Group” โดยใช้ไอดี @0mid16B โพสต์ข้อความและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าบริษัท ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่บริษัทอย่างมาก

ข่าวที่น่าสนใจ

จากการสืบสวนของ บก.ปอท. ร่วมกับหน่วยสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กรมตำรวจสิงคโปร์ (Technology Crime Investigation Branch, Singapore Police Force :TCIB SPF) พบว่า พฤติกรรมของผู้ใช้งาน “0mid16B Group” มีลักษณะคล้ายคลึงกับกรณีการสืบสวนของทาง TCIB SPF เกี่ยวกับแฮกเกอร์ที่ใช้นามแฝงว่า “Desorden GhostR” ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการแฮกเกอร์ระดับโลก โดยตรวจพบมีการโจมตีไปยังหลากหลายประเทศ เมื่อโจมตีสำเร็จจะขายข้อมูลที่ขโมยมาผ่านเว็บไซต์ตลาดมืดที่เป็นแหล่งรวมตัวของผู้ค้าและผู้ซื้อข้อมูลที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย

ทีมสืบสวนจาก บก.ปอท. และ TCIB SPF จึงร่วมมือและปรึกษาหารือร่วมกันมาโดยตลอดในลักษณะการสืบสวนเชิงลึกและเทคนิคเฉพาะ จากการสืบสวนและการวิเคราะห์อย่างละเอียด ทำให้ทีมสืบสวนสามารถแกะรอยตัวบุคคลต้องสงสัยได้ และรวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน เพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญามีนบุรีตามคำร้องที่ ค.103/2568 ลงวันที่ 25 ก.พ. 68

กระทั่งเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 68 ทีมสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นสถานที่ของผู้ต้องสงสัย พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดโดยเป็นข้อมูลที่ปรากฎชัดเจนว่า ผู้ต้องหาเป็นแฮกเกอร์ที่ใช้นามแฝง 0mid16B ในบัญชีโซเชียลฯ และมีพฤติกรรมโพสต์ขายข้อมูลที่ถูกขโมยผ่านเว็บไซต์ตลาดมืดที่ ชื่อบัญชี 0mid16B โดยรับว่าเขียนชุดคำสั่งในการโจมตีข้อมูลและระบบฐานข้อมูลของผู้เสียหายจริง จึงดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลอาญา โดยศาลได้อนุมัติหมายจับตามคำร้อง โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวสิงคโปร์ และตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

นอกจากนี้จากรายงานข้อมูลประจำปีที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเสี่ยงในการเจาะระบบฐานข้อมูลโดยมิชอบ โดย Group-IB พบว่ามีการโจมตีฐานข้อมูลในประเทศไทย จำนวน 20 ราย และต่างประเทศกว่า 50 ราย โดยพบว่าเริ่มก่อเหตุตั้งแต่ปี พ.ศ.2563

ความสำเร็จในการจับกุมแฮกเกอร์รายสำคัญครั้งนี้ เป็นผลจากความร่วมมือระหว่าง ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานอัยการสูงสุด และ หน่วยสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กรมตำรวจสิงคโปร์ (TCIB SPF) และรายงานข้อมูลประจำปีที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเสี่ยงในการเจาะระบบฐานข้อมูลโดยมิชอบ ของ Group-IB ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการทำงานร่วมกันในระดับนานาชาติ เพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากข้อห่วงใย และขอเน้นย้ำพี่น้องประชาชน สำหรับนิติบุคคล การป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์เริ่มจากการเสริมความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ด้วยการใช้ Firewall, Antivirus และระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) นอกจากนี้ ควรเข้ารหัสข้อมูลสำคัญและจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลให้เหมาะสม จัดฝึกอบรมพนักงานให้ตระหนักถึงภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดทำแผนรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์และสำรองข้อมูลไว้อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับประชาชน ควรระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยและไม่ซ้ำกัน หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์จากอีเมลหรือข้อความแปลกๆ และหมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ ควรใช้อินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายที่ปลอดภัยและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับภัยไซเบอร์อย่างสม่ำเสมอ หากตกเป็นเหยื่อ ควรรวบรวมหลักฐานและแจ้งความต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ปลัดวัฒนธรรม" แถลงเปิดตัวศิลปิน Thailand Biennale, Phuket 2025
"นายกฯ" ย้ำปัญหาคอลเซ็นเตอร์ต้องจบ "ไม่จบไม่เลิก" ลั่นติดตามเรื่องนี้อย่างหนัก
"บ้านเพื่อคนไทย" สานฝัน "กลุ่มเปราะบาง-คนรุ่นใหม่" อยากมีบ้าน
“ไอซ์ อภิษฎา” งานงอก! “อัจ” ลากร่วมวงคดี “แตงโม” ข้องใจโทรหา “ปอ”
อัยการสั่งฟ้อง ก๊วน 3 นิ้ว ชุมนุมป่วน พาดพิงเบื้องสูง รอบวัดพระแก้ว นัดสอบคำให้การ 30 เม.ย.นี้
"กทม." จับมือ "กรมเจ้าท่า" บุกตรวจเอาผิด "เรือหรู" ทิ้งขยะลงเจ้าพระยา ล่าสุดพบไม่มีใบอนุญาตขายอาหาร
คลิปวินาที "อิสกันเดอร์" ตูมเดียว "โดรนยูเครน" ร่วงตุบ 14 ลำ ทหารเป็นปุ๋ยเกลื่อน
"บิ๊กต่าย" ยันส่งตัว 40 อุยกูร์  ตามหนังสือทางการจีน จนท.พร้อมรับรองความปลอดภัยเข้ม ตามมติสมช.
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ศิลปินจีนตัดกระดาษลังเหลือใช้สร้างงานศิลป์'นาจา’
ผู้นำอังกฤษกดดันทรัมป์ให้รับประกันความมั่นคงยูเครน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น