จีน-แคนาดา-เม็กซิโกเปิดศึกการค้าตอบโต้สหรัฐ

BBC, ซินหัวและรอยเตอร์สรายงานว่ากระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (อังคารที่ 4 มีค.) คัดค้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐที่ไฟเขียวให้เก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% รวมเป็น 20% มีผลบังคับใช้ทันทีวันนี้ (4 มีค.) แถลงการณ์ของจีนชี้ว่าสหรัฐโยนปัญหาของตัวเองให้เป็นความผิดของคนอื่น โดยเอาปัญหาคนอเมริกันเสียชีวิตจากเฟนทานิลเป็นข้ออ้างในการตั้งกำแพงจีน พร้อมกันนี้ก็เรียกร้องให้สหรัฐถอนคำสั่งเก็บภาษีเพิ่มเติมโดยทันที เพราะข้ออ้างของสหรัฐไร้เหตุผลและไม่มีมูลความจริง ไม่เช่นนั้นจีนจะใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง

ทั้งนี้เดอะโกลเบิล ไทม์สรายงานเมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 3 มีค.) ว่าจีนอาจตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารจากสหรัฐ นอกจากนี้ก็อาจตอบโต้ด้วยมาตรการอื่นนอกเหนือจากภาษี

สหรัฐอ้างการเก็บภาษีเพื่อลงโทษจีนที่จัดส่งเคมีตั้งต้นสำหรับการผลิตเฟนทานิลไปยังเม็กซิโก ทำให้ระบาดเข้าสู่สหรัฐ และบังเอิญที่ประกาศก่อนจีนเปิดประชุมรัฐสภาประจำปีเพียง 1 วัน เพื่อกำหนดนโยบายเศรษฐกิจสำหรับปี 2568

ขณะที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดาก็ประกาศว่าแคนาดาจะไม่อยู่เฉยแน่ โดยเมลานี โจลี่ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดาบอกกับนักข่าวว่าแคนาดามีแผนจะเก็บภาษีสินค้ามูลค่า 1 แสน 7 พันล้านดอลล่าร์จากสหรัฐ โดยงวดแรกจะเป็นสินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นเสื้อผ้า น้ำหอม และพาสต้ามูลค่า 3 หมื่นล้านดอลล่าร์ พร้อมเก็บทันที

ทรูโดยืนยันว่าเฟนทานิลไม่ได้เป็นมูลเหตุของเรื่องนี้ เพราะจากข้อมูลของสหรัฐเองชี้ว่าเฟนทานิลที่ยึดได้ในสหรัฐมาจากแคนาดาเพียง 1 % เท่านั้น

ด้านประธานาธิบดีคลาวเดีย เชนบอว์ม ของเม็กซิโกก็ส่งข้อความผ่านถึงทรัมป์ว่าเม็กซิโกพร้อมให้ความร่วมมือและทำงานร่วมกับสหรัฐ แต่จะไม่ยอมให้มาข่มกัน เม็กซิโกจะไม่ยอมถูกลบหลู่เกียรติ พร้อมประกาศจะตอบโต้กำแพงภาษีจากสหรัฐ หลังจากทรัมป์มีคำสั่งเดินหน้าเก็บภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% โดยเริ่มทันทีวันนี้ (4 มีค.) หลังเลื่อนมา 1 เดือน

ทรัมป์ยังขู่จะเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอลูมิเนี่ยมทั้งหมด 25% ในวันที่ 12 มีนาคมหรือพุธหน้าและจะเก็บภาษีตอบโต้ ซึ่งจะเจาะจงเก็บเป็นบางประเทศและเก็บภาษีสินค้าจากกลุ่มอียู 25% ในเร็วๆนี้

หลังจากทรัมป์ประกาศสงครามการค้าเมื่อวานนี้ หุ้นหลัก 3 ตัวของสหรัฐก็ดิ่งเหวทันที โดยดาวโจนส์ปิดร่วงไป 1.4% หรือ 649 จุด, เอสแอนด์พี 500 (S&P 500) ร่วง 1.7% หรือ 104 จุด, ส่วนแนสแด็กปิดติดลบ 2.6% หรือ 497 จุด