“อดีตสว.สมชาย” สรุปมติ “กคพ.” แตะเฉพาะคำร้องฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษ ลั่นปาหี่จบแล้ว

"อดีตสว.สมชาย" สรุปมติ "กคพ." แตะเฉพาะคำร้องฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษ ลั่นปาหี่จบแล้ว

“อดีตสว.สมชาย” สรุปมติ “กคพ.” แตะเฉพาะคำร้องฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษ ลั่นปาหี่จบแล้ว

 

ข่าวที่น่าสนใจ

6 มีนาคม 2568 นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความระบุว่า

ปาหี่จบแล้ว
มุมแดง vs มุมน้ำเงิน เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง(ทาง)
#มวยล้มต้มคนดู #ทุจริตฮั้วเลือกสว
กกต.มีหน้าที่ #อย่าขี้ลืม

สรุปว่า คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับเป็นคดีพิเศษ ตามพรบ มาตรา 21 วรรค1
ตามบัญชีท้าย(16) คดีความผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ด้วยมติเสียงข้างมากปกติ 11 ต่อ4 งดออกเสียง3 ครับ
ส่วนถ้าเป็นความผิดอาญาอื่น ๆ ตามมาตรา21(2)
จึงจะต้องใช้เสียงข้างมากพิเศษ 2 ใน 3 ของกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่
คือต้องมีมติเห็นชอบ 15 เสียงใน 22 เสียง ครับ
บอร์ดคดีพิเศษรับไว้เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ
มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ซึ่งเป็นเป็นคดีพิเศษและความผิดอื่นที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกับฐานฟอกเงิน
กคพ.มีมติเสียงข้างมากรับ ‘ฮั้วเลือกสว.’ เป็นคดีพิเศษ ฐานฟอกเงิน-ความผิดอาญาเกี่ยวเนื่อง

 

 

 

ก่อนหน้านั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พร้อมพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการฯ ร่วมกันแถลงข่าว

โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเด็นที่ 1 การประชุมในวันนี้ทางบอร์ดกคพ.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงเนื่องจากมีผู้มาร้องกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยทางบอร์ดวันนี้ไม่ได้พิจารณาในกระบวนการเกี่ยวกับการเลือกสว.แต่อย่างใด แต่ทางบอร์ดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการร้องทุกข์มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินซึ่งมีลักษณะเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายกับการได้มาซึ่งสว. ที่ระบุว่าการใช้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้เลือกหรือไม่เลือกผู้สมัครเป็นความผิดฐานฟอกเงินด้วย

“ทางบอร์ดขอย้ำว่าการพิจารณาคดีว่าเป็นคดีพิเศษครั้งนี้ผ่านการพิจารณาของบอร์ดที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากหลากหลายที่ ไม่ได้มาจากการตัดสินใจโดยคนใดคนหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด”

2. ไม่ได้เป็นการยุ่งเกี่ยวอำนาจและหน้าที่ของกกต. ซึ่งกกต.ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการดูแลการเลือกตั้ง กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานของรัฐที่ดูแลเรื่องการดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับบุคคลที่กระทำความผิดตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น ดังนั้นเป็นการทำงานในลักษณะประสานงานร่วมกัน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของตนเองที่แตกต่างกันจะมีเป้าหมายเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมว่าทางดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จากประชาชนผู้เสียหาย เพราะฉะนั้นนิ่งเฉยก็ไม่ได้เพราะจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งผลเสียจะเกิดกับประชาชน

3.การที่ทางดีเอสไอ ได้รับเรื่องนี้ไว้แต่ผู้กล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงจะต้องมีกระบวนการการสืบสวนสอบสวนตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทั้งหมด โดยในที่ประชุมมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 18 คน มีผู้ลาประชุม 3 คน และอีก 1 คนได้เซ็นชื่อเข้าร่วมประชุมแต่ขอออกจากที่ประชุมก่อน ซึ่งมติชี้ขาดฐานคดีฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษ ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 (1) ตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งตามบอร์ด กคพ. จะโหวตตามเสียงข้างมาก โดยทั้ง 18 คน มีมติรับเป็นคดีพิเศษ 11 คน งดออกเสียง 3 คน และ ไม่เห็นด้วย 4 คน

ส่วนตามมาตรา 21(2) ตามเสียง 2 ใน 3 ในที่ประชุม ซึ่งไม่ได้เข้าเงื่อนไขดัวกล่าว ทั้งนี้หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. 2561 มาตรา 77 วรรคหนึ่ง อันอยู่ในหน้าที่และอำนาจของกกต.ให้แจ้งต่อคณะกรรมการ กกต.ทราบ เพื่อพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าในการพิจารณาในเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของบุคคลหรือการเมือง เราพิจารณาตามข้อกฎหมายแท้ ๆ เราทราบดีว่าแต่ละท่านก็ต้องกังวลใจ ถ้าเราทำอะไรไม่ถูกไม่ควรมันจะมีผล ซึ่งเป็นความในใจที่ไม่ได้เป็นปัญหาในการตัดสินใจของเรา แต่เราจะทำในสิ่งที่รอบคอบมากที่สุดในการพูดคุยกับทุกฝ่าย ผลออกมาอย่างไรก็อย่างนั้น และขณะนี้ก็เป็นเพียงแค่กระบวนการที่รับมาเพื่อจะสืบสวน สอบสวน ทั้งหมดก็อยู่ที่ศาลยุติธรรมจะต้องเป็นผู้ตัดสินในขั้นสุดท้ายเราไม่ได้เป็นผู้ชี้ขาดความผิด

สำหรับการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ 2547 นั้น ได้มีประกาศ กคพ. ฉบับที่ 8 พ.ศ.2565 กำหนดรายละเอียดคดีความผิดอาญาตามาตรา 21 ไว้ทั้งหมด 25 คดี ซึ่งคดีความผิดตามกฏหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กำหนดไว้ในความผิดที่ 7 ซึ่งบัญญัติว่า คดีความผิดที่มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 60 และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่มีความผิดมูลฐานเป็นคดีพิเศษซึ่งอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือคดีความผิดมูลฐานที่เป็นคดีอาญาอื่นที่มีมูลน่าเชื่อว่ามีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิดที่มีมูลค่าตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป

ซึ่งฐานความผิดทางอาญาตามประกาศ กคพ.ฉบับนี้ ให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีคำสั่งให้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้เลย แต่การที่บอร์ด กคพ.มีมติให้ดีเอสไอรับคดีสว.ฐานผิดฟอกเงิน นายภูมิธรรมได้ชี้แจงว่าก็เพื่อเป็นหลักค้ำประกันให้กับอธิบดีดีเอสไอไปรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หนุ่มบราซิลเคราะห์ร้ายถูกงูจงอางงับอวัยวะเพศ
กกต.ยกคำพิพากษา "ศาลอาญาคดีทุจริตฯ" โต้ปมโพยฮั้ว ชี้ไม่มีกม.ห้ามผู้สมัครสว. พกเอกสารเข้าพื้นที่ลงคะแนน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'สะพานงู' 500 ปีที่จีนโผล่ให้เดินเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ-ร้อน
สหรัฐฯชะลอเก็บภาษีรถจากเพื่อนบ้าน 1 เดือน
บินรบเกาหลีใต้ซ้อมทิ้งระเบิดพลาดเจ็บระนาว-คนไทยโดนลูกหลง
สหรัฐฯคุยฮามาสโดยตรงหาทางปล่อยตัวประกัน-ทรัมป์เตือนครั้งสุดท้าย
ฝรั่งเศสเล็งขยายป้องปรามนิวเคลียร์แก่อียู
"นฤมล" นำเปิดเวทีสัมมนา เอเซียแปซิฟิก "เสริมพลังหญิงเพื่อระบบเกษตร-อาหาร" ย้ำสำคัญสตรีไทยเชื่อมสากลโลก
"ทางการจีน" จัด 6 เที่ยวบิน รับแก๊งคอลฯ "ชาวจีน" กลับไปดำเนินคดีที่บ้านเกิด
"แม่ทีม" แฉขบวนการผู้ป่วยทิพย์ "รพ.ทหารผ่านศึก" แบบละเอียดยิบ เผยโดนเตือนสติเลยเลิกทำ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น