ประธานาธิบดีมาครง ออกทีวีแถลงในช่วงไพรม์ไทม์ เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น (5 มีนาคม) เพื่ออธิบายประชาชนถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ว่า ยุโรปกำลังเข้าสู่ศักราชใหม่ หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรมัป์ กลับลำนโยบายต่อยูเครน ขู่เก็บภาษีศุลกากรยุโรป และความสุ่มเสี่ยงที่สัมพันธ์กับยุโรปจะแตกร้าว
มาครง กล่าวว่า เขาตัดสินใจที่จะเปิดการถกเถียงทางยุทธศาสตร์ว่า ฝรั่งเศสควรขยายการปกป้องพันธมิตรในภาคพื้นยุโรป ผ่านมาตรการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์หรือไม่ หลังจากที่มีเสียงเรียกร้องครั้งประวัติศาสตร์จาก นายฟรีดริช แมร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนี แต่การตัดสินใช้อาวุธนิวเคลียร์ จะยังคงขึ้นอยู่กับผู้นำฝรั่งเศส
การป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ผู้นำยุโรป พูดคุยกันในที่ประชุมสุดยอดวันนี้ ( (พฤหัสบดี 6 มีนาคม) ที่กรุงบรัสเซลส์ นอกเหนือจากเรื่องการให้ความสนับสนุนยูเครน
ทั้งนี้ พันธมิตรยุโรปในนาโต พึ่งพิงการป้องปรามอันทรงพลังจากสหรัฐอเมริกาตลอดมา แต่มาครง ประกาศว่า อนาคตของยุโรปจะต้องไม่ถูกกำหนดในกรุงวอชิงตัน ดีซี หรือมอสโก อีกต่อไป ความไร้เดียงสาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา หลังกำแพงเบอร์ลินล่มสลายในปี 2532 ปิดฉากลงแล้ว
มาครง กล่าวกับประชาชนฝรั่งเศสว่า เขาอยากจะเชื่อว่า สหรัฐฯจะอยู่ข้างเรา แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น จำเป็นที่ฝรั่งเศสจะต้องมีทางเลือกใหม่ด้านงบประมาณ และเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหาร รัสเซียเวลานี้ใช้จ่ายงบทหาร 40% ของงบประมาณแผ่นดิน และมีแผนเพิ่มกำลังพลอีก 3 แสนคนภายใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2030) เพิ่มรถถัง 3 พันคัน และเครื่องบินรบอีก 300 ลำ แล้วใครจะเชื่อว่ารัสเซียจะหยุดที่ยูเครน หากประเทศใดสามารถรุกรานอีกประเทศหนึ่งได้ ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก ประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็นแล้ว เขาเชื่อว่า รัสเซียในเวลานี้และหลายปีข้างหน้า จะยังคงเป็นภัยคุกคามต่อฝรั่งเศสและยุโรปต่อไป
ผู้นำฝรั่งเศส พูดประโยคหนึ่งว่า “ในโลกแห่งอันตราย จะยังคงมีความบ้าคลั่ง เป็นผู้ชมอยู่ต่อไป” พร้อมเตือนทรัมป์ว่า ไม่อาจเห็นพ้องกับสันติภาพโดยไม่คำนึงถึงต้นทุน และไม่สามารถรับข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางเกินไปได้
นอกจากนี้ ผู้นำฝรั่งเศส ยืนยันด้วยว่า กองทัพยุโรปจะส่งทหารเข้าไปในยูเครน หากมีการลงนามข้อตกลงสันติภาพที่ให้หลักประกันว่า รัสเซียจะไม่รุกรานเพื่อนบ้านอีกครั้ง ทหารเหล่านั้นไม่ได้ไปรบ แต่ไปเพื่อสร้างหลักประกันข้อตกลงจะได้รับการปฎิบัติตาม ส่วนในสัปดาห์หน้า ผู้นำกองทัพของยุโรป ก็มีกำหนดประชุมกันในกรุงปารีส เพื่อหารือว่าจะสนับสนุนยูเครนอย่างไรได้บ้างหลังข้อตกลงสันติภาพ