แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ เห็นพ้องจะยังไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถจากแคนาดาและเม็กซิโก หลังจากได้พบพูดคุยกับผู้บริหารของ ฟอร์ด , เจเนอรัล มอเตอรส์ และ เสตลแลนทิส เพื่อให้แน่ใจว่า สามผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ หรือ บิ๊กทรี ของสหรัฐฯ จะไม่เสียเปรียบทางเศรษฐกิจ และแม้ยืนยันว่า ภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าทุกรายการกับเม็กซิโกและแคนาดายังอยู่ ละเว้นแต่หมวดยานยนต์ที่เลื่อนออกไป แต่เลวิตต์ กล่าวว่า ทรัมป์ยังเปิดช่องสำหรับการละเว้นภาษีสินค้าอื่น ๆ ด้วย หลังจากเคยประกาศว่าจะไม่มีการละเว้นใด ๆ ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นในวันพุธที่ 5 มีนาคม โดยราคาหุ้นของสามผู้ผลิตรถยนต์ดีดรับข่าวดีถึง 6%
เลวิตต์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์บอกให้ผู้ผลิตรถยนต์ควรใช้ช่วงผ่อนผัน 1 เดือน ทำงานร่วมกับประธานาธิบดี สู่เป้าหมายการนำภาคการผลิตรถยนต์กลับสู่สหรัฐฯ ย้ายฐานการผลิตมาในประเทศเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเป็นไปได้ยาก เพราะนั่นหมายถึงการที่จะต้องวางแผนเชิงกลยุทธ์ใหม่ ลงทุนและว่าจ้างใหม่มหาศาล
สำหรับมาตรการภาษีตอบโต้คู่ค้าทั่วโลก แบบเก็บมาเก็บกลับ ที่รัฐบาลทรัมป์ยืนยันจะประกาศในวันที่ 2 เมษายนนี้ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า รัฐบาลทรัมป์จะไม่พิจารณาข้อยกเว้นใด ๆ
อีกด้านหนึ่ง สำนักงานนายกรัฐมนตรีแคนาดา แถลงว่า นายกรัฐมสนตรีจัสติน ทรูโด ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ ทรัมป์ เป็นเวลา 50 นาที การสนทนาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และผู้นำทั้งสองจะคุยกันอีกรอบในวันนี้ (6 มีนาคม) ส่วนทรัมป์ โพสต์โซเชียลว่า ความพยายามสกัดการลักลอบขนเฟนทานิลเข้าสหรัฐฯของแคนาดา ดีขึ้นแต่ยังดีไม่พอ แต่การพูดคุยเป็นไปแบบฉันท์มิตร กระนั้น ทรัมป์ไม่วายกล่าวหาทรูโดว่า กำลังใช้ข้อพิพาทเรื่องภาษี อยู่ในอำนาจต่อไป เนื่องจากพอถามว่าแคนาดาจะจัดเลือกตั้งเมื่อไหร่ ทรูโดยังบอกไม่ได้
สถิติจากสำนักงานชายแดนสหรัฐฯ ชี้ว่า เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2024 สหรัฐฯยึดเฟนทานิล 2 หมื่น 1 พัน 889 ปอนด์ นวนนี้ยึดที่ชายแดนแคนาดา 43 ปอนด์ หรือคิดเป็น 0.2% ส่วนที่ยึดจากชายแดนติดเม็กซิโก คิดเป็น 96.6%