เครือซีพีปั้น “เถ้าแก่รุ่นใหม่” ปูทางคนรุ่นใหม่สู่การเป็น “ผู้บริหารระดับสูง” รองรับการเติบโตสู่ 100 ปีที่สอง เปิดตัว 5 เถ้าแก่หนุ่มสาวที่ติดปีกก่อนอายุ 30

กดติดตาม TOP NEWS

เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี เดินหน้าพัฒนาคนรุ่นใหม่สู่การเป็นผู้บริหารระดับสูง รองรับการเติบโตสู่ศตวรรษที่สองขององค์กร ผ่าน โครงการ“เถ้าแก่” โมเดลพัฒนาผู้นำที่มุ่งสร้างเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่เพียงพนักงานที่เก่ง ด้วยแนวคิด “เรื่องใหม่ต้องให้คนใหม่ทำ” เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ลงมือบริหารธุรกิจจริง พร้อมรับผิดชอบกำไร-ขาดทุน โดยมีผู้บริหารระดับสูงเป็นพี่เลี้ยง ปัจจุบันโครงการดำเนินมาแล้ว 17 รุ่น มีผู้ผ่านการอบรมกว่า 10,000 คน หลายคนก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงของเครือซีพีก่อนอายุ 30 ปี และสร้างรายได้เฉลี่ย 60 ล้านบาทต่อคน พร้อมเปิดตัว 5 ผู้นำรุ่นใหม่ ที่ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ ตอกย้ำศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานคณะผู้บริหารทรัพยากรบุคคล เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า โครงการเถ้าแก่เกิดขึ้นจากดำริของ ท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ที่เชื่อว่า “เรื่องใหม่ต้องให้คนใหม่ทำ” เพราะคนรุ่นใหม่มีศักยภาพในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หากได้รับอิสระในการคิดและตัดสินใจ จะช่วยให้เกิดนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงเชิงธุรกิจ

“เครือซีพีจะอยู่ต่อไปได้อีก 100 ปี เราต้องเริ่มสร้างผู้นำรุ่นใหม่ตั้งแต่วันนี้ คนเหล่านี้ต้องคิดและทำงานเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่แค่ผู้จัดการที่เก่ง แต่เป็นนักสร้างสรรค์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เติบโตได้”

โครงการเถ้าแก่ของซีพีแตกต่างจากหลักสูตรพัฒนาผู้นำทั่วไป เพราะเน้นการ เรียนรู้จากการลงมือทำจริง (Action-Based Learning) และให้ผู้เข้าร่วม รับผิดชอบกำไร-ขาดทุน (P&L) และมีอำนาจตัดสินใจทางธุรกิจ

สำหรับแนวคิดของโครงการเถ้าแก่ ประกอบด้วย 1.Freedom to Think, Freedom to Act – เปิดโอกาสให้เถ้าแก่คิดและตัดสินใจเอง 2.Real Impact & Responsibility – สร้างผลลัพธ์จริง พร้อมรับผิดชอบต่อองค์กร 3.ระบบสปอนเซอร์จากผู้บริหารระดับสูง – ให้คำแนะนำแบบไม่ชี้นำ และ 4.Leaders create Leaders – เป็นผู้นำที่สร้างผู้นำ

“คนรุ่นใหม่ต้องได้รับอิสระในการบริหารธุรกิจ เพราะการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการลงมือทำ เมื่อพวกเขาต้องบริหารเอง จะเข้าใจความท้าทายและรู้จักแก้ปัญหาแบบเจ้าของกิจการ” ประธานคณะผู้บริหารทรัพยากรบุคคล เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าว

นับตั้งแต่ปี 2017 โครงการเถ้าแก่ได้ดำเนินการมาแล้ว 17 รุ่น มีผู้ผ่านโครงการกว่า 10,000 คน และส่งผลให้เกิดเถ้าแก่ที่เติบโตเป็นผู้บริหารระดับสูงของเครือซีพี

จากข้อมูลพบว่าเถ้าแก่ที่ประสบความสำเร็จ สามารถสร้างรายได้เฉลี่ย 60 ล้านบาทต่อคน นอกจากนี้หลายคนขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้บริหารระดับสูงก่อนอายุ 30 ปี และได้ดูแลธุรกิจสำคัญของเครือซีพีทั้งในไทยและต่างประเทศ

“เรามีระบบติดตามผลแบบรายวัน และวัดผลจากกำไร-ขาดทุนจริง ทำให้มั่นใจได้ว่าการให้คนรุ่นใหม่ดูแลธุรกิจระดับเครือฯ จะไม่กระทบต่อองค์กร”

ตัวอย่างผู้นำรุ่นใหม่จากโครงการเถ้าแก่คนแรก คือ นายชัยรัตน์ นรรัชชตสกุล (28 ปี) – จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาภาษาจีนเพื่อเศรษฐกิจและการค้า มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารค้าปลีกและ E-commerce ในจีน โดยเติบโตจากผู้จัดการร้าน CP Fresh Mart สู่ New Business Development Director ของเครือซีพีในจีน  ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจค้าปลีกของซีพีในกว่างโจว ประเทศจีน และพัฒนาแพลตฟอร์ม E-commerce และกลยุทธ์ดิจิทัล บริหารซัพพลายเชนระดับโลกเพื่อสนับสนุนตลาดนานาชาติ

โครงการเถ้าแก่สอนให้ผมคิดและทำงานเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจจริงๆ ทุกการตัดสินใจของเรามีผลกระทบต่อองค์กร และเราต้องรับผิดชอบกับมัน นายชัยรัตน์ กล่าว

อีกหนึ่งตัวอย่างของเถ้าแก่ที่น่าสนใจคือ นางสาวเกษสุรางค์ ดีจงกิจ (29 ปี) – จบการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 1) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบันบริหารธุรกิจฟาร์มสุกรระดับนานาชาติ โดยบริหาร Integrated Swine Project ในไทย เวียดนาม และจีน  รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้บริหารธุรกิจอาหารแช่แข็งของเครือซีพีในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของการผลักดันการขยายธุรกิจแม็คโครในต่างประเทศ

เครือซีพีให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้ลองทำจริง ได้รับผิดชอบโปรเจกต์ระดับพันล้านตั้งแต่อายุยังน้อย และนั่นคือโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตของเรานางสาวเกษสุรางค์ กล่าว

ต่อมา คือ นางสาวชวัลญา ภักตรนิกร (29 ปี) – จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการเงินการธนาคารพาณิชยศาสตร์และบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันบริหารการเงินและจัดซื้อของเครือซีพี ดูแลโครงการจัดซื้อสุกรและบริหารการเงินของเครือซีพี บริหารงบประมาณและการเงินของธุรกิจจัดซื้อสุกร รวมถึงการพัฒนาทีมการเงินที่แข็งแกร่งให้เครือซีพี

ถ้าอยากเติบโตเร็ว คุณต้องเป็นน้ำไม่เต็มแก้วเสมอ พร้อมเรียนรู้จากทุกคน และสร้างผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นจริง นางสาวชวัลญา กล่าว

ต่อมา นางสาวณัชชาชนก ตะกั่วทุ่ง (30 ปี) – จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเป็นซีอีโอ CP Fresh ดูแลกลยุทธ์การขยายตัวของ CP Fresh   รวมถึงการสร้างทีมบริหารและพัฒนาเถ้าแก่รุ่นต่อไป

เถ้าแก่ต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้าง คิดใหญ่ และพร้อมเผชิญกับความท้าทายใหม่ นางสาวณัชชาชนก กล่าว

เถ้าแก่คนสุดท้าย คือ นางสาวฑิตา ตั้งฤทัยวาณิชย์ (32 ปี) – COO แห่งอินเดียและจีน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิทยาศาสตร์เคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท สาขา Marketing Management, University of Southampton, UK ปัจจุบันเป็น Chief Operating Officer (COO) ของ CP Group India & China รับผิดชอบการขยายฐานลูกค้าและธุรกิจของซีพีในอินเดียและจีนบริหารซัพพลายเชนระดับโลกสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์

โครงการเถ้าแก่ช่วยให้ดิฉันกล้าคิด กล้าทำ กล้าเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งส่งต่อความสำเร็จในการสร้างทีมงาน สร้างผู้นำ นางสาวฑิตา กล่าว

ประธานคณะผู้บริหารทรัพยากรบุคคล เครือเจริญโภคภัณฑ์  สรุปว่า เถ้าแก่ ของซีพี คือ โมเดลพัฒนาผู้นำยุคใหม่ เรียนรู้จากการทำธุรกิจจริง บริหารกำไร-ขาดทุนด้วยตัวเอง  ได้รับโอกาสจากผู้บริหารระดับสูง  สร้างผลลัพธ์ที่ส่งผลต่อองค์กรจริง “โครงการเถ้าแก่ของซีพีไม่ได้สร้างพนักงาน แต่เป็นหัวใจของการเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคต ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ เครือซีพีจึงมั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง และสร้างนวัตกรรมที่นำพาองค์กรสู่ศตวรรษที่สองอย่างมั่นคง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น