บอร์ดกระตุ้นศก. เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 3 อายุ 16-20 ปี ปลาย มิ.ย.-ต้น ก.ค.นี้
ข่าวที่น่าสนใจ
10 มี.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า วันนี้การประชุมมีอยู่ 3 เรื่อง เรื่องที่ 1 คือ การขับเคลื่อนหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดร้อยละ 3 ให้ได้ 2. เรื่องแจกเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 และ 3.การลงทะเบียนผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน
สำหรับ ดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 นายพิชัย กล่าวว่า ตนอยากให้เรียกว่าเป็น เฟตแรก เพราะเราแจกเงินผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต ครั้งแรก ซึ่งมีข้อดี ที่สามารถควบคุมการใช้เงินได้ กำหนดกรอบการใช้จ่ายได้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ
ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ได้เคาะแล้ว จะแจกให้สำหรับประชาชนที่มีอายุ 16 - 20 ปี โดยเป็นการเห็นชอบในหลักการ คาดว่า การแจกจะอยู่ในช่วงปลายไตมาส 2 ควบ ไตรมาส 3 ซึ่งเราจะรอดูความเรียบร้อยและพิจารณาถึงความคุ้มค่าในอนาคตและปัจจุบันก่อน รวมถึงประโยชน์ที่ได้ในการวางพื้นฐาน ต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วน และยังไม่สามารถคำตอบได้ว่าจะเข้า ครม. เมื่อไหร่
นายพิชัย กล่าวต่อว่า นายกฯกังวลเรื่อง ความผิดพลาดในระบบ จึงได้ตั้งอนุกรรมการ เพื่อมาดูในเรื่องนี้โดยเฉพาะ เชื่อว่าความผิดพลาดในอดีตจากการจ่ายเงินหมื่น จะทำให้ลดลงเนื่องจากมีการจ่ายเงินผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็กำชับว่าให้ดูเรื่องระบบดังกล่าวด้วย
ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวขยายความถึงการลงทะเบียนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ว่า สิ่งที่เราทำคือการลงทะเบียนประชาชน ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องการเติมเงิน 10,000 บาท ซึ่งข้อมูลที่เราได้มาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ได้ต่อไปในอนาคต อย่างตรงจุดและตรงเป้า จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนมาลงทะเบียนกันเยอะ ๆ เพราะกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญสำหรับการเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิทัล ที่นายกรัฐมนตรีที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมดิจิตอลอย่างเต็มตัว และดูแลกลุ่มประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึง
สำหรับการลงทะเบียน จะลงผ่านธนาคารของรัฐ 4 ธนาคาร ประกอบด้วย กรุงไทย ออมสินทหารไทย และธนาคารอิสลาม ร่วมกับไปรษณีย์ และ ธปท. ส่วนกรอบเวลาให้ลงทะเบียนจะแจ้งอีกครั้ง ตอนนี้แอปพลิเคชัน ในการลงทะเบียนมีความพร้อมหมดแล้ว
ทั้งนี้นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมเรื่องการลงทะเบียน กลุ่มไม่มีมาร์ทโฟน ว่า ประชาชนสามารถวอล์คอินไปยังหน่วยงานต่างๆเหล่านี้ และไม่สามารถแอบอ้างได้ เพราะข้อมูลทั้งหมดที่ลงทะเบียนจะถูกนำไปตรวจสอบ ซึ่งจะประสานงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผ่าน กสทช.
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า จำนวนผู้ที่ได้รับในเฟสนี้ 16 – 20 ปี มีจำนวน 2.7 ล้านคน และ การที่เลือกแจกประชาชนกลุ่มนี้ ไม่ใช่ข้อจำกัดของงบประมาณหรือรัฐบาลจะนำเงินลงไปในกลุ่มไหน แต่เลือกเพราะพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เหมาะสม จำนวนเม็ดเงินที่ลงไปสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
“รัฐบาลได้กันเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ 150,000 ล้านบาท เรามีกระสุนไว้เพียงพอมีไว้เยอะรัฐบาลใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า พร้อมยืนยันว่าการเลือกแจกกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายในแบบนี้ ด้วยจำนวนเงินช่วงเวลาที่เหมาะสม รัฐบาลจึงเลือกคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก” เผ่าภูมิ กล่าว
เมื่อถามว่า 150,000 ล้านบาท หากใช้ไม่ทันปี 2568 สามารถที่จะใช้ในปีงบประมาณถัดไปได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โครงการต้องเดินหน้าก่อนถึงใช้งบผูกพันได้ ถ้าไม่ใช้ก็ต้องพับไป แต่ยืนยันว่าเม็ดเงินนี้เป็นเม็ดเงินที่สำคัญ เราต้องใช้ให้คุ้มค่า ทุกบาททุกสตางค์ ขอให้มีความเชื่อมั่นว่า ด้วยกลไกในการขับเคลื่อน การใช้จ่ายของภาครัฐก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะฉะนั้นเงิน 150,000 ล้านบาท รัฐบาลได้วางแผนไว้สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อถามถึงเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัล วอลเล็ท มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โครงการดิจิทัล วอลเล็ทครั้งนี้ เป็นการตั้งโครงการขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยการดึงข้อมูลมาจากแอปพลิเคชันทางรัฐ ส่วนรายละเอียด การใช้เงินค่อนข้างที่จะคล้ายเดิม แต่เรื่องของสินค้า เราไม่กำหนดห้าม เราไปกำกับดูแลการลงทะเบียนของร้านค้าแทน จะมีข้อห้ามว่าร้านค้าที่ไม่ให้เข้าร่วมจะเป็นลักษณะใด เช่น ร้านทอง ร้านที่ขายเหล้าโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้ห้ามตรวจสินค้า ยกตัวอย่าง หากนำไปใช้ในร้านโชห่วย ที่มีสินค้าหลากหลาย ก็สามารถซื้อได้ทุกประเภท พร้อมกับมีการปรับเปลี่ยน โดยการทำให้ง่ายขึ้น คือ ถอดการขึ้นเงินสดของร้านค้า โดยให้ร้านค้าทุกประเภท สามารถขึ้นเงินได้ โดยไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในการเสียภาษี เพื่อให้เกิดการสะดวกแก่ร้านค้า และเป็นการเชิญชวนให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการเรามากขึ้น
เมื่อถามถึงพื้นที่ในการใช้เงินดิจิตอล นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังเป็นพื้นที่ภายในอำเภออยู่ สามารถจ่ายค่าเทอมได้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ และเราหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจมาก เพราะจากการกระตุ้นเศรษฐกิจไป 2 รอบ มีผลสำรวจออกมาจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มีผลที่ดีทั้ง 2 รอบ มีการหมุนเวียนและกระจายตัวที่ดีมาก และรอบนี้เราเชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เพราะเราใช้กลไกของดิจิตอลวอลเล็ต จะสามารถจำกัดตัวเม็ดเงินไปในจุดที่เราต้องการได้มากขึ้น และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งนี้เรายังมีกลไกในการเติมเงิน อายุ 16-20 ปี เพื่อไปใช้เรื่องปัญหาค่าครองชีพของเขา และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิตอลต่อไปในอนาคต
เมื่อถามว่า คนวัยทำงานโวย ว่า ทำไมไม่แจกก่อน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการบริหารจัดการเม็ดเงิน เพื่อลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด
เมื่อถามว่ากลุ่มอายุ 16 - 20 ปีอาจจะมี ความต้องการใช้เงินไม่เท่ากับกลุ่มวัยทำงาน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ใกล้เปิดเทอมแล้วนะ เขาก็มีความจำเป็น
เมื่อถามว่า การแจกเงินในรอบนี้จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจเหมือน 2 รอบแรกหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ภาวะการทางเศรษฐกิจ และโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ จังหวะนี้เป็นจังหวะที่มีความเหมาะสม
เมื่อถามว่า กลุ่มที่มีอายุ 20 - 59 ปียังมีสิทธิรับเงิน 10,000 บาทใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แน่นอน อย่างที่เรียนไปเรามีเม็ดเงินรอไว้อยู่ 150,000 ล้านบาท วันนี้เราทำครั้งนี้ไป กรอบระยะเวลาในการใช้เงินก็เหลือไตรมาสเดียว ดังนั้น กลุ่มถัดไป ก็คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการแจก
เมื่อถามว่าเฟสถัดไปอาจจะมีการแตกเป็นกลุ่มอีก นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องดูจังหวัดและความเหมาะสมอีกครั้ง ต้องมีการประชุมกันก่อน
เมื่อถามว่าเฟสถัดไป อาจจะไม่ใช่การแจกเงินหมื่นใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำได้หลายอย่าง อย่างที่บอกว่าวาระแรกของการประชุมคือ 46 โครงการ ที่เราได้ทำมาแล้วทำอยู่ และกำลังจะทำต่อไป เป็นโครงการที่ใช้เม็ดเงินและนโยบายโครงการ กลไกของรัฐ ทั้งหมดต้องประกอบเข้าด้วยกัน ในส่วนของเม็ดเงินที่เราเตรียมไว้ เราเตรียมไว้สำหรับทำโครงการเงินหมื่นในเฟสถัดไป และยืนยันว่า รัฐบาลจะมีความเชื่อมั่นในการแจกเงินเฟสถัดไป เพราะเม็ดเงินในระบบมีอยู่อย่างเพียงพอ การเติมเงินในครั้งก่อนๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจได้ชี้แล้วว่า มันมีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นการขับเคลื่อนนโยบายที่เราได้ว่างเอาไว้ และค่าแรงต่อรัฐสภา เราต้องขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ สุดท้ายเงินหมื่นต้องถึงมือประชาชนทุกค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น