“อัจฉริยะ” กระชากหน้ากาก! ขบวนการโค่น “บิ๊กโจ๊ก” ยัดข้อหา-ขัดขาขึ้นผบ.

“อัจฉริยะ” ลุยเดี่ยวกระทุ้ง ผบ.ตร. กระชากหน้ากากขบวนการเด็ดหัว “บิ๊กโจ๊ก” ใช้วิธีสุดชั่วร้าย ขัดขาขึ้นตำแหน่ง กลั่นแกล้งให้ออกจากราชการ

“อัจฉริยะ” กระชากหน้ากาก! ขบวนการโค่น “บิ๊กโจ๊ก” ยัดข้อหา-ขัดขาขึ้นผบ. – Top News รายงาน

จากกรณีที่คณะกรรมการกลั่นกรองโทษ พิจารณาผลการสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปมโยงเว็บพนัน โดยมีข้อเสนอแนะให้ “ไล่ออก” มีมติเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมส่งให้ ผบ.ตร.ออกคำสั่งตามขั้นตอน

ล่าสุด มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันที่ 11 มีนาคม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้ลงนามไล่ออก “บิ๊กโจ๊ก” และงดบำเหน็จบำนาญแล้ว ตามคณะกรรมการพิจารณาเพื่อเสนอแนะการลงโทษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุด เป็นประธาน มีรอง ผบ.ตร.ทุกคน และจเรตำรวจแห่งชาติเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาโทษวินัยร้ายแรงของ “บิ๊กโจ๊ก” ได้เสนอแนะไป คือให้ไล่ออก

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับขบวนการขัดขวางบิ๊กโจ๊ก ไม่ให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และถูกกลั่นแกล้งให้ออกจากราชการ โดยเรียกร้องให้จเรตำรวจแห่งชาติ เรียกตัวเองเข้าไปสอบปากคำ ในฐานะพยาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขบวนการที่เกิดขึ้น ให้เกิดความยุติธรรมกับบิ๊กโจ๊ก

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตัวเองมาในฐานะ ที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ขบวนการล้มบิ๊กโจ๊กทุกขั้นตอน มีทั้งการยัดข้อหา กลั่นแกล้ง สืบเนื่องจากกระบวนการตรวจสอบคดีผู้การจังหวัดชลบุรี เรียกรับเงินจากเครือข่ายเว็บการพนัน จำนวน 140 ล้านบาท หรือ คดีเป้รักผู้การ

โดยตรวจพบเส้นทางการเงิน ว่ามีรองผู้บังคับการตำรวจหน่วยหนึ่งในขณะนั้น เข้าไปเรียกรับเงินจำนวนกว่า 660 ล้านบาท ผ่านบัญชีจำนวน 14 บัญชี และพบว่าเส้นทางการเงิน ไปถึงระดับรองผู้บัญชาการตำรวจหน่วยหนึ่ง และตำรวจระดับสูงอีกหลายหน่วยงาน ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเป็นสาเหตุให้บุคคลที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้ เกรงกลัวว่า หากบิ๊กโจ๊ก ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะถูกเปิดโปงขบวนการ จึงสืบหาเส้นทางการเงิน และพบว่าตำรวจคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก เข้าไปรับเงินเครือข่ายเว็บการพนัน และเส้นเงินต่างๆ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลแม่ของบิ๊กโจ๊ก จึงใช้ช่องทางนี้เป็นช่องทางโจมตี เพื่อขัดขวางไม่ให้ได้เลื่อนตำแหน่ง และนำไปสู่การให้ถูกออกจากข้าราชการ นอกจากนี้ ยังมีขบวนการช่วยเหลือทางด้านคดีพรรคพวก ที่ถูกตรวจสอบเส้นทางการเงินของอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ส่วนข้อมูลทางฝั่งของบิ๊กโจ๊ก ที่ถูกออกมาเปิดเผยและโจมตีว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์จากเครือข่ายเว็บการพนัน ซึ่งตัวเองได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าบางเรื่องไม่ตรงกับที่ถูกกล่าวหา และพบว่าหนึ่งในคณะกรรมการ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทางวินัย อยู่ในขบวนการล้มบิ๊กโจ๊กด้วย ตัวเองจึงมองว่า ในส่วนนี้บิ๊กโจ๊กไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้บิ๊กโจ๊กได้จ้างทีมงานทนายของตัวเอง ช่วยเหลือคดีทางอาญา จึงมายื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เรียกตัวเองเข้ามาสอบสวนในฐานะพยานเพิ่มเติม นอกเหนือจากคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เกรงกลัวอิทธิพล ชีวิตตนสุดท้ายอย่างมาก ไม่ตายก็ติดคุก แต่อยากให้ความจริงปรากฎ

ทีมข่าวได้สอบถามไปยัง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กรณี คณะกรรมการพิจารณาเสนอแนะการลงโทษ มีมติเสนอให้ลงโทษ ไล่ออก บิ๊กโจ๊ก ออกจากราชการ พร้อมงดบำเหน็จบำนาญ

ซึ่งคณะกรรมการฯ ดังกล่าว เป็นคณะกรรมการพิจารณาเสนอแนะการลงโทษทางวินัย ประกอบไปด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกนาย มีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอให้ลงโทษไล่ออกจากราชการ พร้อมงดบำเหน็จบำนาญ ซึ่งถือว่าเป็นโทษสูงสุดของข้าราชการตำรวจ

โดยขั้นตอนคือ คณะกรรมการฯ จะส่งมติโทษดังกล่าว ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณา และลงนามในคำสั่งลงโทษ จากนั้น จะต้องนำเรื่อง ผลสอบวินัยร้ายแรง และการกำหนดโทษ ที่เซ็นโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปเข้าวาระประชุม “ก.ตร.” (คาดว่าเป็นปลายมีนาคมนี้) เนื่องจากการสั่งการของ ผบ.ตร. โดยกฎหมาย กำหนดการสอบทานโดย ผบ.ตร.จะต้องรายงาน ก.ตร. ให้ทราบ

ซึ่งในส่วนของ ก.ตร. ถ้ามันมีเหตุผลอันสมควร มีเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ก.ตร.ก็จะสั่งให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ดำเนินการให้ถูกต้องได้ทุกเรื่อง เช่น หาก ก.ตร.พิจารณาเห็นว่าบิ๊กโจ๊ก ไม่ผิด ก็ต้องสั่งให้ยุติ สั่งได้หมด เป็นอำนาจของ ก.ตร.ที่จะสั่งได้ทุกเรื่อง นี่คือการสอบทานคำสั่งของ ผบ.ตร.ด่านแรก

อีกทางหนึ่ง หลังคำสั่งออกใน 30 วัน บิ๊กโจ๊ก กับพวก สามารถอุทธรณ์คำสั่งไปยัง คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร.

โดยบิ๊กโจ๊ก สามารถอุทธรณ์คำสั่ง ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจได้ แต่หากคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ พิจารณายืนตามคณะกรรมการวินัย ยังสามารถใช้สิทธิ์ฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป ซึ่งหากศาลปกครองสูงสุด พิจารณายืนอีก ก็จะทำให้คดีวินัยถึงที่สุด และจะเข้าสู่ขั้นตอนของการพิจารณาถอดยศตำรวจต่อไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

MEA ยกระดับความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี GPR ตรวจสอบโพรงใต้ถนนรอบบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน
กรมวิชาการเกษตร หนุนใช้ลายพิมพ์เปปไทด์สร้างจุดแข็ง ยกระดับความน่าเชื่อถือสินค้าเกษตรไทย นำร่องส้มโอขาวแตงกวาสู่มาตรฐานสากล
"พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ" นำทีม 81 สว.ยื่นป.ป.ช.เอาผิด "ทวี-อธิบดี DSI" ชี้มิชอบไม่มีอำนาจสอบปมฮั้ว
เปิด "ยะลาโมเดล" ชวนฟังเคล็ดลับสร้างเมืองสุขภาพดี จากนายกฯ พงษ์ศักดิ์ ที่งาน Active City Forum
"ทวี" จัดหนักใช้อำนาจ "นายกฯ" เร่งตั้งคกก.สอบฮั้ว แย้มกว่า 140 สว.เข้าคิวโดนเรียก
อีกแล้ว "รัฐสภาหมื่นล้าน" เกิดท่อน้ำแตก แม่บ้านแห่เคลียร์ด่วน
โซเชียลกดไลค์รัว "พงศ์พรหม" สะท้อนภาพความกล้า "มาดามแป้ง" ไม่ก้มหัวให้คนทำผิด
"ผกก.โจ้" เป็นเหตุ "กรมราชทัณฑ์" ส่งรองอธิบดีฯ นั่งควบผบ.คุกเรือนจำคลองเปรม
"ผู้นำอิหร่าน"กร้าวท้าทาย ตอกเจ็บ"ทรัมป์"อยากจะทำบ้าอะไรก็เชิญย้ำไม่คุยด้วย
การบินไทย คว้าอันดับ 3 สายการบินยอดเยี่ยม จาก DestinAsian Readers’ Choice Awards 2025

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น