รูบิโอ ประกาศผ่านการโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวาน (10 มีนาคม) ว่าการทบทวนความช่วยเหลือทั่วโลกของ USAID เสร็จสิ้นลงแล้วอย่างเป็นทางการ โดยมีโครงการถูกตัดทิ้งราว 5,200 โครงการ จากทั้งหมด 6,200 โครงการ / โครงการที่รอดมาได้ไม่ถึง 1 ใน 5 (ราว 18%) จะอยู่ในความดูแลของกระทรวงต่างประเทศ
คำประกาศของรูบิโอ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบ 60 ปี ของโครงการความช่วยเหลือภายใต้การดูแลของ USAID ที่ถูกสั่งปิดชั่วคราว ตามคำสั่งของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคณะทำงานของหน่วยงานเพื่อประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE นำโดยอีลอน มัสก์
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า โครงการที่ถูกตัดทิ้ง ใช้จ่ายเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ไปในทางที่ไม่ตอบสนองผลประโยชน์แห่งชาติหลักของสหรัฐฯ บางโครงการกลายเป็นอันตรายด้วยซ้ำ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ จะบริหารโครงการ USAID ที่เหลือ 18% อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รูบิโอ กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของเราทำงานอย่างหนัก เพื่อให้การปฏิรูปครั้งประวัติศาสตร์ด้านความช่วยเหลือต่างประเทศนี้บรรลุผล และยังได้กล่าวขอบคุณ DOGE แม้สื่อรายงานว่าเขามีปากเสียงกับมัสก์ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ได้ตอบคำถามสื่อ ที่พยายามขอรายละเอียดว่า ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจยกเลิกหรือให้โครงการไหนยังอยู่ต่อ และไม่ตอบว่า การตัดทิ้งโครงการเหล่านี้โดยไม่ผานความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าทีชัดเจนว่า ความช่วยเหลือต่างประเทศต่อจากนี้จะเป็นไปตามนิยามผลประโยชน์แห่งชาติสหรัฐฯที่จำกัดวงแคบจากเดิม อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เคยระบุในเอกสารยื่นต่อศาลว่า โครงการ USAID จะถูกตัดทิ้งถึงกว่า 90% หรือเกือบ 5 พัน 800 โครงการ แต่รูบิโอไม่ได้อธิบายว่า เหตุใดตัวเลขนี้จึงลดลง และกระทรวงต่างประเทศจะบริหารโครงการเหล่านั้นอย่างไรต่อไป
USAID บริหารงบหลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อบรรเทาความยากจน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ภาวะอดอยาก ภัยธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการสร้างประชาธิปไตยและการพัฒนา ผ่านการให้ทุนสนับสนุนองค์กรนอกจากรัฐ หรือ NGO สื่ออิสระและโครงการริเริ่มทางสังคม งานเหล่านี้ส่วนใหญ่หยุดชะงักตั้งแต่รัฐบาลทรัมป์รับตำแหน่งใหม่ ๆ เมื่อเดือนมกราคม โดยกล่าวหาว่ามีการใช้งบไปในทางที่ผิดและฉ้อฉล
การปิดสำนักงานชั่วคราว สั่งพักงานหรือเลิกจ้างจำนวนมากอย่างกะทันหัน นำไปสู่การฟ้องร้องหลายคดี สัปดาห์ที่แล้ว ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลาง มีคำวินิจฉัยเปิดทางให้รัฐบาล เดินหน้าปลดพนักงานคู่สัญญาของ USAID เกือบ 800 คน ในประเทศรายได้สูงและปานกลาง เช่น มอลโดวา ไทย และสหรัฐฯเอง เนื่องจากไม่สอดคล้องกับภารกิจของ USAID ที่มุ่งช่วยเหลือประเทศรายได้ต่ำ แต่อีกคำพิพากษาในสัปดาห์เดียวกัน ศาลตัดสินให้รัฐบาลทรัมป์ ต้องจ่ายเงินเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สำหรับงานมนุษยธรรมที่ได้ดำเนินการไ