วันนี้ (13 มี.ค.68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้า และธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 3 (1/2568) ที่ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ 17 หน่วยงาน เข้าร่วม
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้ามาตรการที่ดำเนินมาตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2567 พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 17 หน่วยงาน เร่งรัดแผนระยะกลาง โดยคณะกรรมการฯ ที่จัดตั้งขึ้นตามข้อสั่งการของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย และแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ 2.คณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดย 1.จัดเก็บภาษี VAT ได้ 1,500 ล้านบาท จากสินค้านำเข้าต่ำกว่า 1,500 บาท 2.ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมาย 24,626 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 1,257.24 ล้านบาท 3.ลดการนำเข้าสินค้าผ่าน e-Commerce ลง 8% เฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท และ 4.กวาดล้างธุรกิจนอมินี 851 ราย มูลค่าความเสียหาย 15,121 ล้านบาท
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบ ให้ตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศผิดกฎหมาย นำโดย ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าทีม ลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า การจดทะเบียนธุรกิจ และธุรกิจนอมินีทั่วประเทศ เพื่อทำให้ความเข้มข้นของการปราบปรามดียิ่งขึ้น โดยสำนักงานการแข่งขันทางการค้า (กขค.) จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบังคับใช้กฎหมายป้องกันสินค้าต่างชาติทะลักที่จะกระทบผู้ประกอบการไทยด้วย พร้อมทั้งได้เห็นชอบการขอรับการจัดสรรงบกลางตามคำขอของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อจัดตั้งห้องปฏิบัติการด่านอาหารและยา ที่ท่าเรือแหลมฉบังและด่านเชียงของ และเห็นชอบการขอรับการจัดสรรงบกลางตามคำของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการตรวจสอบ และเฝ้าระวังการขายสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอีกด้วย