“ธรรมนัส” นำทีมสส.กล้าธรรม เยี่ยมเกษตรกร หนองคาย ประสานชลประทาน ใช้งบฯป้องกันน้ำแล้ง หวังสภาฯไม่ตัดโอกาสชาวอีสาน

ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า หนองคายทั้ง 9 อำเภอ มีปริมาณน้ำฝนประมาณ 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่กักเก็บน้ำได้เพียง 134 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 1.7% ของปริมาณน้ำฝนทั้งหมด โจทย์กรมชลประทานคือ ต้องทำอย่างไรที่จะสามารถเก็บกักน้ำก่อนที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงให้ได้มากที่สุด จึงเป็นที่มาที่ไปของการสร้างประตูที่สามารถระบายน้ำ และชะลอน้ำทั้งหมด 9 แห่ง

“ผมและ สส.พรรคกล้าธรรม มาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งทราบมาว่างบประมาณในการสร้างประตูระบายน้ำสร้างไปแล้ว 3 แห่ง กำลังสร้างในปี 2568 และอีก3 แห่งซึ่งอยู่ในแผนการจัดตั้งงบประมาณในปี 2569 ได้ผ่านคณะรัฐมนตรีไปแล้ว เตรียมเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎร หากมีการแปรญัตติปรับลดงบประมาณดังกล่าว จะผ่านหรือไม่ผ่านก็อยู่ที่ สส.ในสภาฯ ซึ่งตนเชื่อว่าในปี 2569 เราจะได้ประตูชะลอน้ำครบทั้ง 9 และขอให้ปรบมือให้กับ สส.ทุกคนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพราะถือว่า เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้สภาผ่านงบประมาณดังกล่าวให้กับชาวหนองคาย”

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า เรามี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรม และยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เราเป็นลูกพรรคก็จะติดตามลงพื้นที่ช่วยดูแลประชาชน ถึงแม้ว่าพรรคของเราจะเกิดขึ้นเพียงไม่นานแต่ถือว่าเป็นพรรคที่มีความพร้อมในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง โดยมีพื้นฐานสำคัญในการรักษาไว้ตามหลักของบ้านเมือง คือชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ ทรงมีพระราชดำริส่วนพระองค์ในเรื่องการจัดทำฝนหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคการเกษตร

“ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรกิจการฟาร์มโคนมและกิจการผลิตอาหารจากนมหลายแห่ง ในครั้งนั้นรัฐบาลเดนมาร์กและองค์การเกษตรกรรมต่างๆ ของเดนมาร์กได้น้อมเกล้าฯ ถวายโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมใน ประเทศไทย โดยจัดตั้งฟาร์มโคนมไทย – เดนมาร์ก ขึ้นที่อําเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จากนั้นทรงมีพระราชดําริว่า อาชีพเลี้ยงโคนมเป็น อาชีพหนึ่งที่จะสามารถทํารายได้สูงให้แก่เกษตรกรไทย ขณะเดียวกันก็เป็นการ ส่งเสริมให้คนไทยรู้จักบริโภคน้ำนมอันจะช่วยให้เด็กไทยมีร่างกายที่แข็งแรง” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว