“ผอ.สำนักพุทธฯ” แจงที่มา ศาลปกครองสั่งห้าม “กรมธนารักษ์” ขึ้นทะเบียน “พุทธมณฑล” เป็นที่ราชพัสดุ

“ผอ.สำนักพุทธฯ” แจงที่มา ศาลปกครองสั่งห้าม “กรมธนารักษ์” ขึ้นทะเบียน “พุทธมณฑล” เป็นที่ราชพัสดุ

“ผอ.สำนักพุทธฯ” แจงที่มา ศาลปกครองสั่งห้าม “กรมธนารักษ์” ขึ้นทะเบียน “พุทธมณฑล” เป็นที่ราชพัสดุ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ 133/2565 ระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผู้ฟ้องคดี) กับกรมธนารักษ์ (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่ากรมธนารักษ์กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีผู้ถูกฟ้องคดีจะนำที่ดินแปลงพุทธมณฑลพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ

แต่มหาเถรสมาคมได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 18/2564 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 ว่า ที่ดินพุทธมณฑลเป็นทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนสมบัติกลาง ผู้ฟ้องคดีในฐานะที่มีอำนาจหน้าที่พัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา

จึงมีหนังสือลงวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีระงับการขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุที่ดินพุทธมณฑลภายในระยะเวลา 90 วัน แต่ผู้ถูกฟ้องคดียังไม่แจ้งระงับการขึ้นทะเบียน และมีหนังสือลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ยืนยันว่าที่ดินพุทธมณฑลเป็นที่ราชพัสดุ จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล

ล่าสุดศาลปกครองกลางพิพากษา ห้ามกรมธนารักษ์ นำที่ดินพุทธมณฑล 2.5 พันไร่ ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ

 

“ศาลปกครองกลาง” พิพากษา ห้ามมิให้กรมธนารักษ์นําที่ดิน “พุทธมณฑล” ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ

 

“ศาลปกครองกลาง” พิพากษา ห้ามมิให้กรมธนารักษ์นําที่ดิน “พุทธมณฑล” ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ทางด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวท็อปนิวส์ และได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของที่ดินกล่าวว่า

“.. แต่เดิมที่ดินดังกล่าวยังไม่มีส่วนราชการใดเป็นผู้ดูแล เนื่องจากเอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ยังไม่เรียบร้อย โดยพื้นที่ดังกล่าว เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2500

ทางสำนักพุทธศาสนา จึงทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมกฤษฎีกา ว่าที่ดินดังกล่าวสมควรจะมีส่วนราชการใดเป็นผู้ดูแล ทางคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงมีความเห็นว่า ควรเป็นที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ เป็นผู้ดูแล

 

ทั้งนี้ทางสำนักพระพุทธศาสนา จึงกลับมาตรวจสอบประวัติความเป็นมาของพื้นที่ดังกล่าว จึงมีความเห็นว่า ที่ดินดังกล่าว ไม่น่าจะเป็นส่วนราชการที่ราชพัสดุได้

เพราะพื้นที่ดังกล่าวได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานบริจาคโดย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยผ่านคณะสงฆ์และประชาชนในขณะนั้น

และถือได้ว่าที่ดินดังกล่าวมีวัตถุประสงค์จำเพาะ โดยได้ขอให้ศาลปกครอง พิจารณาตีความว่าที่ดินดังกล่าว ควรขึ้นตรงกับหน่วยราชการใด จึงสรุปได้ว่า ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ต้องถูกยกเลิกโดยศาลปกครองในที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาอีก 30 วัน หากกรมธนารักษ์ไม่ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง

ทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะดำเนินการยื่นหนังสือให้ที่ดินดังกล่าว ตกเป็นเป็นศาสนาสมบัติกลาง โดยสำนักงานพระพุทธศาสนา ต่อไป”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“สุดาวรรณ” เผย บอร์ดอนุฯ ไฟเขียวดัน “พระปรางค์ วัดอรุณฯ” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนเตรียมจัดเทศกาลปล่อยน้ำตูเจียงเยี่ยนที่เฉิงตู
ตำรวจตุรกีบุกจับนายกเทศมนตรีอิสตันบูลคู่แข่งสำคัญแอร์โดอัน
"ภูมิธรรม" เยี่ยม "ชาวอุยกูร์" ถึงบ้าน ขอโทษที่กักตัวนาน 10 ปี ด้าน "อุยกูร์" ย้ำ ไม่เคยเขียนจม.ถึงประเทศที่ 3
สื่อจีนสะใจทรัมป์สั่งพักงาน Voice of America
"กรมที่ดิน" เข้มกำหนดมาตรการป้องกันการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว
สหรัฐฯเปิดช่องคู่ค้าเลี่ยงภาษีตอบโต้
ศาลสหรัฐฯสั่งระงับปิด USAID -ชี้ส่อขัดรธน.
สภาเยอรมนีผ่านงบทหารครั้งประวัติศาสตร์
ศาลสั่งจำคุก 3 เดือน หนุ่มตบหน้าพยาบาลรพ.ระยอง ไม่รอลงอาญา สารภาพเหลือ 1 เดือน 15 วัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น