ผู้พิพากษา ธีโอเดอร์ ชวง แห่งศาลรัฐบาลกลางในรัฐแมรีแลนด์ มีคำตัดสินเมื่อวันอังคารที่ 18 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น ว่าความพยายามปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ หรือ USAID ของอีลอน มัสก์ ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และหน่วยงานประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ ดอจช์ มีแนวโน้มละเมิดรัฐธรรมนูญสหรัฐฯในหลายทาง และมีคำสั่งห้ามเลิกจ้างพนักงานของ USAID เพิ่มเติม
ผู้พิพากษาไม่ได้สั่งให้พนักงานที่ถูกสั่งพักงานก่อนหน้านี้ กลับเข้าทำงาน แต่มีคำสั่งให้ ดอจช์ เปิดให้พนักงานปัจจุบันและคนที่ถูกสั่งพักงาน เข้าถึง อีเมล และระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ของ USAID ได้ และควรอนุญาตให้ USAID เข้าไปใช้สำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตันอีกครั้ง เว้นแต่ศาลได้รับการยืนยันจากรักษาการผู้อำนวยการ USAID หรือผู้มีอำนาจอื่นของสหรัฐฯ ว่าอาคารหลังนี้ถูกปิดอย่างถาวรแล้ว
คำตัดสินของศาล มีขึ้นหลังจากพนักงานในอดีต ปัจจุบันและคู่สัญญาของ USAID จำนวน 26 คน มอบหมายให้ทนาย ยื่นคำฟ้องเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ กล่าวหาการใช้อำนาจของมัสก์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมัสก์ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการในรัฐบาล และอ้างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยอำนาจการแต่งตั้งบุคคลตำแหน่งต่าง ๆ ว่ามัสก์จะต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภาก่อนจึงจะใช้อำนาจได้ ซึ่งผู้พิพากษาเห็นด้วย ว่า การปล่อยให้มัสก์ใช้อำนาจอย่างล้นเหลือเหนือหน่วยงานรัฐบาลต่อไป จะเปิดประตูสู่การหลีกเลี่ยงรัฐธรรมนูญในบทบัญญัตินี้ และลดขั้นตอนการแต่งตั้งเหลือแค่รูปแบบทางเทคนิคเท่านั้น การกระทำของมัสก์และดอดจ์ ยังละเมิดอำนาจรัฐสภา กรณีตัดสินใจว่าจะปิด USAID เมื่อไหร่และอย่างไร ด้วยการไล่ออกหรือสั่งพักงานพนักงานนับจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา
USAID มาจากการแต่งตั้งของรัฐสภาสหรัฐฯในปี 2504 เป็นหนึ่งในหน่วยงานแรก ๆ ที่ตกเป็นเป้าลดรายจ่ายภาครัฐและรื้อโครงสร้าง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับสู่ทำเนียบขาวในสมัยที่สองเมื่อเดือนมกราคม เริ่มจากการออกคำสั่งระงับความช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมดไว้ก่อน 90 วัน มัสก์และหน่วยงานเฉพาะกิจของเขาแย้งว่า มัสก์มีบทบาทแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น แต่ผู้พิพากษาชวง ชี้ว่า การเข้าไปควบคุม USAID ของมัสก์ และดอจช์ มีแนวโน้มละเมิดรัฐธรรมนูญ และไม่เพียงเป็นอันตรายต่อผู้ฟ้อง แต่ยังรวมถึงผลประโยชน์สาธารณะด้วย อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าคำพิพากษาของศาล จะมีผลอย่างไรกับปฏิบัติการต่าง ๆ ขององค์กรที่ดำเนินโครงการมนุษยธรรมในด้านต่าง ๆ กว่า 120 ประเทศทั่วโลก ก่อนหน้านี้ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่า ได้สั่งยกเลิกโครงการต่าง ๆ กว่า 83% ของ USAID
แอนนา เคลลี โฆษกคนหนึ่งของทำเนียบขาว วิจารณ์ว่า ผู้พิพากษานอกกฎหมายกำลังบ่อนทำลายเจตนารมณ์ของชาวอเมริกัน พยายามหยุดยั้งประธานาธิบดีทรัมป์ที่กำลังดำเนินการตามนโยบาย โดยเรียกการตัดสินครั้งนี้ว่าเป็น “ความผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรม” และให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะยื่นอุทธรณ์
ด้าน นอร์ม ไอเซน ประธานบริหารของกองทุนนักปกป้องประชาธิปไตยของรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงาน USAID กล่าวว่า คำตัดสินของศาลครั้งนี้ ถือเป็นหมุดหมายในการตอบโต้ความไม่ชอบด้วยกฎหมายของมัสก์ และ ดอจช์ ที่ทำการผ่าตัดด้วยเลื่อยไฟฟ้าแทนใช้มีดผ่าตัด เป็นอันตรายต่อทั้งผู้คนที่ USAID ให้บริการ และชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่ต้องพึ่งพาเสถียรภาพของรัฐบา