ชารีฟ อัล-บูไฮซี หนึ่งในผู้ประท้วง ชาวปาเลสไตน์ เผยกับ AFP ว่า เราขอพูดกับฮามาสว่า หยุดเดิมพันกับชีวิตของผู้คนเหล่านี้ได้แล้ว พวกเขาต้องหลีกทางและมอบตัวประกันชาวอิสราเอลให้กับสันนิบาตอาหรับ เราจะไม่ขอให้กลุ่มวางอาวุธของพวกเขาลง พวกเขาสามารถเก็บอาวุธไว้ได้ แต่ผู้คนของเราต้องการมีชีวิต และสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ ฮามาส ต้องออกจากเวทีการเมืองได้แล้ว … ส่วนข้อความที่ตนอยากบอกอิสราเอล ก็คือ ไม่ใช่ชาวกาซาทุกคนจะเป็นฮามาส อย่าลงโทษพวกเราแบบรวมหมู่ อย่าฆ่าลูก ๆ ของเรา และฆ่าพวกเรา โดยอ้างว่าเราเป็นผู้ก่อการร้าย … เราไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย … เราเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพ และเรารักชีวิต เราไม่ควรตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ที่ล้มเหลวในการเป็นผู้นำ และไม่รักษา หรือมอบความมั่นคงใดๆ ให้ได้

ด้านมูเยด ซาฮีร์ ผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์อีกราย กล่าวว่า ไม่มีการศึกษา ไม่มีอาหาร ไม่มีเสื้อผ้า และทั้งหมดนี้เป็นเพราะฮามาส เราขอร้องเนทันยาฮู หยุดยิงขีปนาวุธใส่ผู้คนที่น่าสงสารเหล่านี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปสำหรับเราในประเทศเพราะสงคราม และตั้งแต่ฮามาสเข้ามาควบคุม สถานการณ์ของเราก็แย่ลง เราไม่ต้องการฮามาส เราเหนื่อย เราหมดแรงแล้ว

ขณะเดียวกัน สัญญาณย้ำเตือนชาวต่างชาติในสหรัฐ ยุค โดนัลด์ ทรัมป์ อาจถูกรวบตัวง่าย ๆ ได้ทุกที่ ถ้าขุดเจอว่า เคยแสดงความเห็นขัดแย้งนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน

คลิปไวรัลเผยนาที นักศึกษาปริญญาเอกชาวตุรกี เจอเจ้าหน้าที่ ตม. ปิดหน้าปิดตา 6 คน รุมคุมตัวเขา ขณะเดินบนฟุตบาท แบบจับก่อน ค่อยบอกเหตุผลทีหลังและยกเลิกวีซ่า

โดย รูเมย์ซา ออสเติร์ก นักศึกษาปริญญาเอก ชาวตุรกี วัย 30 ปี ที่ มหาวิทยาลัย ทัฟตส์ (Tufts University ) ออกจากบ้าน ในเมืองซอมเมอร์ วิลล์ รัฐแมตซาชูเสตส์ เพื่อไปร่วมท่านอาหารกับเพื่อนหลังถือศีลอด เมื่อเย็นวันที่ 25 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น ระหว่างทางถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง หรือ ไอซ์ (ICE) ที่เฝ้ารออยู่ บุกควบคุมตัว

คลิปที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นนาที ชายฉกรรจ์ 6 คน ปิดบังใบหน้า เข้าไปรุมล้อมและยึดมือถือ เธอร้องด้วยความตกใจ และถูกสวมกุญแจมือทั้ง ๆ ที่ ไม่ได้มีการขัดขืนการจับกุม หนึ่งในผู้จับกุม บอกว่า พวกเราเป็นตำรวจ ขณะนั้น ก็มีเสียงชายคนหนึ่งตะโกนว่า “พวกคุณปิดบังใบหน้าทำไม จะรู้ได้ยังไงเป็นตำรวจ สื่อตุรกี รายงานว่า ขณะนั้น เธอกำลังพูดโทรศัพท์กับแม่ เธอบอกกับแม่ว่า ต้องวางสายแล้ว

มาชา คันบาไบ ทนายของเธอ ระบุในคำฟ้องต่อศาลกลางในบอสตัน ว่า “ออสเติร์ก” ถือวีซ่านักศึกษา แต่ถูกจับตัวแบบไม่มีคำอธิบาย ทนายไม่สามารถติดต่อลูกความได้ ไม่รู้ว่าเธอถูกกักตัวอยู่ที่ไหน และถึงขณะนี้ ยังไม่รับทราบว่า ลูกความถูกแจ้งข้อหาอะไร ทนายบอกว่า นี่คือการข่มขู่คุกคาม ไม่ใช่การกระทำเพื่อความปลอดภัยส่วนรวม

ไมเคิล แมทิส วิศวกรซอฟต์แวร์ วัย 32 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน และกล้องวงจรปิดที่บ้านของเขาจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ กล่าวว่า ดูแล้ว…เหมือนเป็นการลักพาตัว เจ้าหน้าที่ปิดบังใบหน้า เข้าประชิดตัวเธอ รถที่ขับมาก็ไม่มีตราสัญลักษณ์อะไรเลย ….

ด้าน สุนี กุมาร อธิการบดีมหาวิทยาลัย ทัฟตส์ แจ้งข่าวผ่านอีเมลว่า ได้รับรายงานเรื่องการควบคุมตัวนักศึกษาต่างชาติรายหนึ่ง โดยไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่บอกว่า นักศึกษารายนี้ถูกยกเลิกวีซ่า โดยที่มหาวิทยาลัยไม่รู้เรื่องมาก่อน เพราะทางการไม่ได้แชร์ข้อมูลใด ๆ ล่วงหน้า

อินทิรา ทัลวานี ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในบอสตัน ให้เวลารัฐบาลถึงวันศุกร์นี้ (28 มีนาคม) ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า เหตุใด ออสเติร์ก ถึงถูกควบคุมตัว และสั่งห้ามย้ายเธอ อออกนอกจากเขตอำนาจศาลแมตซาชูเสตส์ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า …..

เอพี อ้างโฆษกกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ หรือ DHS ที่ยืนยันเรื่องการกักตัว ออสเติร์ก และยกเลิกวีซ่า หลังจากสอบสวนพบว่า เธอเกี่ยวข้องกับกิจกรรมสนับสนุนฮามาส วีซ่าเป็นเอกสิทธิ์ แต่ไม่ใช่สิทธิตามกฎหมาย การยกย่องและสนับสนุนผู้ก่อการร้ายที่ฆ่าชาวอเมริกัน เป็นเหตุผลยกเลิกวีซ่าได้

รายงานระบุว่า ออสเติร์ก เป็น 1 ใน 4 ผู้ร่วมเขียนบทแสดงทัศนะ ลงหนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัย เรียกร้องให้มหาวิทยาลัย ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในกาซา เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ และเลิกลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล หลังบทความเผยแพร่ออกไป ชื่อ ภาพถ่าย และประวัติการทำงานของเธอ ก็ไปโชว์หราอยู่บนเว็บไซต์ โปรอิสราเอล ที่ชื่อ “แคนารี มิชชั่น” (Canary Mission) ที่มุ่งขึ้นบัญชีดำนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวสนับสนุนปาเลสไตน์ในสหรัฐ เว็บไซต์แห่งนี้ ยกบทความชิ้นเดียวเป็นหลักฐานว่า เธอสนับสนุนความเกลียดชังชาวยิว เพื่อนของเธอบอกว่า ออสเติร์ก มุ่งมั่นกับงานวิจัยของตัวเองเป็นหลัก ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับการประท้วงในมหาวิทยาลัยมากนัก

ขณะที่ สำนักข่าว อนาโดลู ของตุรกี รายงานว่า ออสเติร์ก เป็นนักศึกษาทุน “ฟุล ไบรท์” ปัจจุบัน ศึกษาปริญญาเอก ด้านเด็กและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่ มหาวิทยาลัยทัฟตส์

ช่วงที่ผ่านมา มีนักศึกษาและนักวิชาการจำนวนหนึ่ง ถูกยกเลิกวีซ่า หรือห้ามเข้าสหรัฐแล้วหลายคน ขณะที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พุ่งเป้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่เคยเป็นศูนย์กลางการประท้วง นำโดยนักศึกษาเพื่อต่อต้านสงครามในกาซา ที่ถูกตีความว่า เท่ากับสนับสนุนฮามาส รัฐบาลทรัมป์ ตัดเงินสนับสนุนมหาวิทยาลัยเหล่านั้น และสั่ง ตม. เนรเทศนักศึกษา หรือ นักวิชาการที่ร่วมประท้วง โดยไม่สนใจเสียงวิจารณ์ว่า การกระทำดังกล่าวเท่ากับการเอาคืน และละเมิดเสรีภาพแสดงความเห็น แต่ฝ่ายสนับสนุน บอกว่า จำเป็นเพื่อรื้อฟื้นความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสถาบันการศึกษา และปกป้องนักศึกษาชาวยิว