The Japan Times และ AFP รายงานว่านายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่นออกมาแถลงในวันนี้( พฤหัสที่ 27 มีค.) ว่าญี่ปุ่นกำลังทบทวนหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อตอบโต้กำแพงภาษีรถยนต์ 25% ของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีคำสั่งเมื่อวานนี้ (พุธที่ 26 มีค.) ให้เก็บภาษีรถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐ โดยให้เริ่มบังคับใช้หลังเวลาเที่ยงคืนหรือเช้ามืดของวันที่ 3 เมษายนตามเวลาตะวันออกของสหรัฐ ***หรือ 11 นาฬิกาตามเวลาไทย***
อิชิบะยังตัดพ้อว่าญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐและยังสร้างงานจำนวนมากให้กับสหรัฐ ซึ่งผู้นำสหรัฐตระหนักถึงเรื่องนี้ดี แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็ยังเกิดขึ้น
ขณะที่นายโยชิมาสะ ฮายาชิ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกกำแพงภาษีรถยนต์ของทรัมป์ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง พร้อมเตือนให้สหรัฐระวังผลกระทบรุนแรงที่จะตามมา ฮายาชิกล่าวว่ามาตรการภาษีและข้อจำกัดทางการค้าต่างๆที่ทรัมป์กำหนดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ นอกจากนี้มาตรการของสหรัฐก็อาจกระทบเศรษฐกิจโลกและระบบการค้าแบบพหุภาคี
มาตรการกำแพงภาษีรถยนต์ของทรัมป์ถือเป็นการโจมตีค่ายรถยนต์เอเชียครั้งใหญ่ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่อุตสาหกรรมรถยนต์ถือเป็นเสาหลักเศรษฐกิจ โดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของสินค้าส่งออกมูลค่า 1 แสน 4 หมื่น 2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่งผลให้หุ้นรถยนต์ทุกค่ายของญี่ปุ่นดิ่งลงทันทีตั้งแต่เปิดตลาด โดยหุ้นโตโยต้าปิดตลาดร่วงลง 2%, ฮอนด้าปิดร่วง 2.5%, นิสสันร่วงไป 1.7%, มิตซูบิชิร่วงมากกว่า 3%, ซูบารุร่วงหนักถึง 5% ขณะที่มาสด้าหนักสุด 6% ส่วนค่ายรถยนต์เกาหลีใต้ก็แย่พอกัน โดยฮุนไดปิดติดลบ 4%
ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีญี่ปุ่นหลายคนได้เพียรพยายามเข้าหาทรัมป์เพื่อขอให้ยกเว้นภาษีรถยนต์และเหล็กกล้าของญี่ปุ่นแต่ก็ไม่เป็นผล โดยทรัมป์มั่นใจว่ากำแพงภาษีจะช่วยเพิ่มรายได้เข้าคลังสหรัฐและช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกัน