รอยเตอร์สและ BBC รายงานว่าอันเดรีย อาร์คันเจลี แพทย์ประจำสำนักวาติกันได้เผยใบมรณบัตรระบุถึงสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส องค์พระประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ว่าเกิดจากภาวะเส้นเลือดในสมองทำให้เกิดโคม่าและนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว จนสิ้นพระชนม์ในที่สุด นอกจากนี้ก็เผยว่าพระองค์ทรงประชวรจากความดันโลหิตสูงและเบาหวานด้วยนอกเหนือจากการติดเชื้อในปอด
ขณะที่พระคาร์ดินัลจากทั่วโลกจะเดินทางมายังกรุงโรมในวันนี้(อังคารที่ 22 เมย.) เพื่อร่วมหารือเรื่องการจัดพิธีพระศพของโป๊ปฟรานซิส ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นระหว่างวันศุกร์-วันอาทิตย์นี้ โดยโป๊ปทรงเขียนสั่งเสียเอาไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ว่าต้องการให้จัดพิธีพระศพของพระองค์อย่างเรียบง่าย โดยให้บรรจุในโลงไม้ธรรมดา ซึ่งมีการสลักพระนามพระองค์อยู่ข้างโลง และให้ฝังไว้ใต้ดินที่มหาวิหารเซนต์ แมรี่ เมเจอร์ ซึ่งอยู่ด้านนอกสำนักวาติกัน ต่างจากประเพณีดั้งเดิมที่พระศพพระสันตปาปาจะฝังไว้มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ส ภายในสำนักวาติกัน ทั้งนี้คาดว่าสำนักวาติกันจะเคลื่อนย้ายโลงไปไว้ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 23 เมย.) เพื่อให้ประชาชนเข้าถวายความเคารพและไว้อาลัย โดยให้บรรจุพระศพไว้ในโลง ไม่ต้องตั้งไว้แทนสูงอย่างที่เคยทำกันมา
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผุ้นำสหรัฐซึ่งเคยปะทะคารมบ่อยครั้งกับสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสประเด็นผู้ลี้ภัยประกาศว่าตัวเขาและสตรีหมายเลขหนึ่งจะเดินทางไปร่วมพิธีพระศพโป๊ปที่กรุงโรม และหนึ่งในผู้นำโลกที่จะเดินทางเข้าร่วมพิธีอย่างแน่นอนคือประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิลี่ ผุ้นำอาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส
สำหรับการคัดเลือกโป๊ปพระองค์ใหม่โดยปกติจะมีขึ้นหลังการสิ้นพระชนม์ขององค์เดิมราว 15-20 วันซึ่งหมายความว่าน่าจะเริ่มหลังจาก 6 พฤษภาคม โดยครั้งนี้คาดว่าจะมีพระคาร์ดินัลราว 135 องค์ที่จะเข้าร่วมในการโหวตคัดเลือก
ขณะที่วันนี้คริสตศาสนิกชนก็ยังหลั่งไหลเดินทางมาร่วมไว้อาลัยให้กับโป๊ปฟรานซิสภายในโบสถ์คาทอลิกทั่วโลก
