สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าสถานการณ์ไฟดับครั้งใหญ่ในคาบสมุทรไอบีเรีย ซึ่งครอบคลุมสเปนและโปรตุเกสค่อยๆทยอยกลับสู่ภาวะปกติแล้วในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น (อังคารที่ 29 เมย.) เรียกได้ว่าไฟกลับมาแล้วมากกว่า 99% หรือคิดเป็นจำนวนประชากร 6.2 ล้านคนจาก 6.5 ล้านคนของโปรตุเกส อย่างไรก็ตามทั้งสเปนและโปรตุเกสยังคงสภาวะฉุกเฉินเอาไว้ เพื่อที่จะได้รับความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายร้อยเปอร์เซนต์
สำหรับสาเหตุของไฟดับขณะนี้ยังคงคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่ทั้งสเปนและโปรตุเกสยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการโจมตีทางไซเบอร์หรือเหตุวินาศกรรม แต่เชื่อว่าเกิดจากการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของแรงดันไฟฟ้า ซึ่งโปรตุเกสโทษว่าเกิดที่ระบบของสเปนก่อน จากนั้นก็ลุกลามมาที่โปรตุเกส
เหตุไฟดับเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณเที่ยงครึ่งวานนี้ (จันทร์ที่ 28 เมย.) ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายสิบล้านคนในสเปนและโปรตุเกส ส่งผลต่อระบบคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ ทำให้รถไฟติดค้างอยู่ระหวางทาง สนามบินต้องระงับเที่ยวบิน สัญญานไฟจราจรหยุดทำงาน, ตู้ ATM หยุดให้บริการ การสื่อสารคมนาคมถูกตัดขาดเพราะไวไฟล่ม สร้างความโกลาหลไปทั่วสองประเทศ รายงานเผยว่าที่สเปน ผู้โดยสารราว 3 หมื่น 5 พันคนต้องติดค้างอยู่บนรถไฟหลายขบวน บางขบวนติดอยู่กลางอุโมงค์ บางขบวนติดอยู่ใต้ดิน ทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งให้ความช่วยเหลือตลอดคืนที่ผ่านมา ขณะที่มีประชาชนจำนวนมากติดอยู่ภายในลิฟต์ ตำรวจจราจรต้องใช้วิธีโบกรถด้วยมือตามวิธีดั้งเดิม
นอกจากนี้สถานการณ์ไฟดับยังส่งผลต่อโรงพยาบาลและระบบการบริการสาธารณสุขด้วย แม้โรงพยาบาลส่วนใหญ่มีระบบไฟฟ้าสำรอง