ผู้ว่าธปท. รับมอบทองคำ 10 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 34 ล้านบาท จากคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตามหาบัว

ผู้ว่า ธปท. รับมอบทองคำ 10 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 34 ล้านบาทจาก คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน รับ แบงก์ชาติ มีการลงทุนทองคำต่างประเทศ เช่นเดียวกับธนาคารกลางอื่น ๆ ยืนยัน ทองคำยังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์

ผู้ว่าธปท. รับมอบทองคำ 10 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 34 ล้านบาท จากคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตามหาบัว – Top News รายงาน

ผู้ว่าธปท.

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ได้รับมอบทองคำจาก คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน จากการจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า 12 เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” ตามเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อนำเข้าคลังหลวงเป็นทุนสำรองของประเทศ โดยการจัดงานครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 14 ได้รับมอบทองคำทั้งสิ้น 10 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 34 ล้านบาท

สำหรับสินทรัพย์ที่ได้รับมอบมาทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นทองคำแท่งน้ำหนักรวมประมาณ 13,129.832 กิโลกรัม และเงินตราต่างประเทศจำนวน 10,457,159.63 ดอลลาร์ สรอ. (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2567) เมื่อรวมกับที่รับมอบวันนี่ทำให้ขณะนี้ประเทศไทยมีทองคำสะสมจากการบริจาคอยู่ในคลังหลวงทั้งสิ้น 13,139 กิโลกรัม

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ทองคำที่ได้รับบริจาคมาจากความศรัทธาของประชาชน ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ยืนยันยังอยู่ครบถ้วนทั้งหมด ไม่มีการหยิบไปใช้แม้แต่น้อย และถูกเก็บไว้ใน “ห้องมั่นคง” ของธปท. ซึ่งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 7 อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ จะตรวจสอบความปลอดภัยของห้อง ตู้เก็บทองคำ และกล้องวงจรปิดต่างๆ ปีละ 2 ครั้ง พร้อมสุ่มตรวจทองคำทุกๆ 5 ปี

ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการของธปท. แบ่งออกเป็น 2 บัญชี ได้แก่ บัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย และ บัญชีของทุนสำรองเงินตรา โดยบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีการหมุนเวียนเงินเข้าออกเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศไทย แต่ทองคำทั้งหมดที่ได้รับบริจาคมาจะอยู่ในบัญชีของทุนสำรองเงินตรา ซึ่งภายในบัญชีนี้แยกย่อยเป็นอีก 3 บัญชีด้วยกัน โดยทองคำถูกจัดอยู่ในบัญชีทุนสำรองพิเศษ หรือเปรียบเสมือนเงินก้นถุง ซึ่งในทางกฎหมายถือว่าปลอดภัย แต่หากในอนาคตมี แนวคิดที่จะปรับแก้กฎหมายให้ทั้ง 2 บัญชีข้างต้นรวมกัน นั่นหมายถึงถือเป็นความสุ่มเสี่ยง ต่อความปลอดภัยของทองคำในคลังหลวง ดังนั้นในช่วงที่ยังอยู่ ก็จะดูแลไม่ให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือการเฝ้าระวังสัญญาเตือนภัยอยู่ตรงไหน มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการแก้กฏหมายหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้เป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายเศรษฐพุฒิ ระบุอีกว่า ทองคำที่เข้าไปอยู่ในบัญชีทุนสำรองเงินตรา จะมีประโยชน์ในการหนุนการออกธนบัตรของไทยให้มั่นใจได้ว่าเงินบาทมีเสถียรภาพเพราะมีทองหนุนหลัง ซึ่งสำคัญมากต่อการบริหารการเงินของประเทศ เป็นธนบัตรที่มีมูลค่า ขณะเดียวกันเป็นการแสดงถึงเสถียรภาพทุนสำรองระหว่างประเทศ และส่งสัญญาณถึงความไว้วางใจกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะแสดงถึงความน่าเชื่อถือของประชาชนที่ได้มอบทองคำให้ธนาคารกลางของชาติมาเก็บไว้

 

ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยไม่ได้แข็งแรงเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งหนี้ครัวเรือน และหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นทำให้ไทยไม่สามารถไว้วางใจกับเสรีภาพทางการเงินในขณะนี้ได้ เพราะพายุทางเศรษฐกิจกำลังมา จากปัญหาสงครามการค้า ซึ่งต้องเกิดขึ้นแน่นอนแม้จะยังไม่ได้เห็นผลกระทบที่ชัดเจน แต่เป็นความจำเป็นที่สูงมากที่ต้องรักษาเสรีภาพทางเศรษฐกิจ และอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เปรียบเสมือนเรือที่กำลังออกจากฝั่งแล้วเจอพายุ ทุกฝ่ายต้องทำงานเพื่อส่วนรวมไม่ว่าส่วนไหนของเรือ เปรียบกับคำสอนของหลวงตาฯ ที่กล่าวว่าถ้าประเทศมีปัญหา ก็ไปไม่รอดกันหมด ทั้งพ่อค้า เศรษฐี ประชาชน ดังนั้นจึงต้องช่วยกันอุดรอยรั่ว และอีกคำกล่าวที่ว่า “เมืองไทยไปรอดได้ด้วยพลังแห่งสามัคคีและความรักชาติทั้งหลายเหล่านี้ อันอื่นไม่มี เราอย่าไปหวังพึ่งภายนอกเขา ชาติไหน ภาษาใดก็ตาม เราอย่าไปหวังพึ่ง มีคนไทยเราเท่านั้น“ ซึ่งเป็นความพิเศษของประเทศไทยที่ผู้ว่าการธนารคารชาติอื่นก็ต้องประหลาดใจ เพราะตลอด 28 ปีที่ผ่านมาไทยมีทองคำในคลังหลวงกว่า 13,000 กิโลกรัม

ผู้ว่าการธปท. ยังได้ตอบคำถามคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เกี่ยวกับการเก็บทองคำ ว่า แบงค์ชาติมีการเก็บทองคำไว้ที่ต่างประเทศ แต่ยืนยัน และขอย้ำว่าทองคำของหลวงตา ฯ ทุกบาททุกสตางค์ทุกเม็ดของทองคำเก็บเมืองไทย ที่ห้องมั่นคง พระราม 7 โดยทองคำที่ต่างประเทศ คือ ส่วนอื่นที่ ธปท. ซื้อในตลาดทองคำที่ใหญ่ และมีธนาคารกลางต่างประเทศเข้าซื้อทองคำ และมั่นใจคุณภาพทองคำได้มาตรฐานระดับสากล ส่วนคำถามจะนำกลับไทยได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้โดยหลักการ แต่มีความเสี่ยง เรื่องการโจรกรรม และต้นทุนสูง หากจะย้ายทองคำกลับได้ คือ ขายที่ต่างประเทศ และนำเงินมาซื้อทองคำในไทย โดยการซื้อทองคำในต่างประเทศเป็นการซื้อและเก็บไว้ที่ธนาคารกลางอื่นที่มีความน่าเชื่อถือสูง รวมถึง ธนาคารกลางไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูล และยังเป็นการเก็บไว้หลายธนาคาร

ส่วนคำถามที่ 2 ที่มีการให้ข้อมูลว่า ทุนสำรองที่เป็นทองคำได้หายไปหมด ผู้ว่า ธปท. ยืนยันว่า ทองคำของไทยไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ครบ และยังมีการสุ่มตรวจพร้อมรายงานทุกเดือน

 

ส่วน กระแสข่าวกรณีที่ไอเอ็มเอฟ กำหนดทองคำทุนสำรองฯ จะต้องเป็นทองคำ 99.99% โดยไทยมีทองฝากต่ำกว่า 99.99% และไม่นับเป็นทุนสำรองและให้ไทยนำทองกลับไทยได้หรือไม่นั้น ยืนยันเป็นการเข้าใจผิด ผู้ว่าธปท.ยืนยันว่า ทองที่ลงทุนฝากอยู่ในต่างประเทศมีความบริสุทธิ์มากกว่า 99.5 % ทั้งหมด ส่วนทองคำที่ ค่าความบริสุทธิ์ต่ำกว่า 99.5% นั้น ธปท.มีอยู่ แต่เก็บไส่ในไทย เป็นทองคำปริมาณ 9.6 ตัน ค่าความบริสุทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ 92% โดยได้รับมาจากการบริจาคของกระทรวงการคลังตั้งแต่สมัยก่อตั้งธปท. ไม่ได้นับเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่เก็บไว้เพื่อเป็นสินทรัพย์ของธปท.

เมื่อถามว่ากรณีเงินดอลลาร์เสื่อมค่าลงต่อเนื่อง จะกระทบต่อความมั่นคงของทุนสำรองระหว่างประเทศหรือไม่อย่างไร และไทยมีสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นอย่างไร ผู้ว่าธปท. กล่าวว่า ตามกฎของธนาคารกลางทั่วโลกจะไม่สามารถเปิดเผยสัดส่วนการถือครองเงินตราต่างประเทศแก่สาธารณชนได้ แต่เรามีนโยบายกระจายการถือครองเงินตราต่างประเทศอยู่แล้ว และสาเหตุที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ต้องถือครองดอลลาร์ ในสัดส่วนที่ค่อนข้างมากก็เพราะการซื้อขายกับต่างประเทศและธุรกรรมต่าง ๆ ส่วนใหญ่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ในฐานะของธนาคารแห่งประเทศไทยต้องถือโอกาสนี้ ขอบคุณคณาจารย์และศิษย์ยานุศิษย์ญาติโยม ที่ได้ให้ความไว้วางใจ ธปท.ให้ดูแลทองคำของหลวงตามหาบัวฯ ด้วยความไว้วางใจ ด้วยหน้าที่ และความรับผิดชอบที่สูง ซึ่งความรับผิดชอบและหน้าที่ไม่ใช่ของผู้ว่าแต่เป็นของทุกคนและองค์กร

ผู้ว่าธปท. กล่าวอีกว่า ส่วนตัวขอขอบคุณพระอาจารย์และญาติโยมทั้งหลาย เพราะปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ได้รับมอบทองคำในงานนี้ โดยงานที่ทำมา 4 ปี 7 เดือน เป็นงานที่ยากลำบาก และขอบคุณและความเมตตาของพระอาจารย์ ที่ได้รับกำลังใจในการทำหน้าที่และเป็นความทรงจำที่จะเก็บไว้ปี และในปีหน้าตนเกษียญ ก็จะไปนั่งกับญาติโยมและซักถามผู้ว่าคนใหม่ในประเด็นเหล่านี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีมอบทองคำ ประชาชนต่างแห่มอบกุหลาบสีเหลือง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายเศรษฐพุฒิ ซึ่ง ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เข้าร่วมพิธี เนื่องจากสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนับเป็นครั้งที่ 5 ที่ได้เข้าร่วม ในฐานะผู้ว่าฯธปท.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มาแน่ “กรมอุตุฯ” ประกาศฉบับ 12 เตือนระวังอันตราย "พายุฤดูร้อน" พัดถล่ม จว.ที่ไหนบ้างเช็กเลย
ฝนตกหนัก "อนุทิน" กำชับ "ผู้ว่าฯ เชียงราย" ติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำสายใกล้ชิด
"รมว.สุดาวรรณ" นำชมนิทรรศการ สาธิตวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรมโดดเด่นชาวนครพนม ชูเส้นทางตามรอยศรัทธาธรรม 7 วันสักการะ 8 พระธาตุประจำวันเกิด
"สรรเพชญ" ผนึก "สุพิศ" นายกอบจ.สงขลา ร่วมขับเคลื่อนพัฒนาท้องถิ่นทุกมิติ มั่นใจยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.
"นฤมล" ลงพื้นที่เยี่ยมชาวสวนลิ้นจี่ นครพนม ชื่นชมสร้างมูลค่าส่งออก ยันพร้อมหนุนทุกปัจจัย ดูแลผลไม้ไทย
สส.สัตหีบ เร่งประสานอีสวอเตอร์ แก้ไขปัญหาท่อน้ำประปาแตกบ่อย น้ำไหลเบา เพิ่มแรงดันน้ำพื้นที่โซนสูง
"ศุภมาส" เดินหน้าขับเคลื่อน Soft Power จัดแข่งวาดภาพ Thai Youth Street Art รุดให้กำลังใจ 6 สถาบัน เข้าประชันฝีมือ
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จัดกิจกรรมคลายร้อนให้สัตว์ ด้วยหวานเย็นผลไม้ พร้อมเสริมกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นพฤติกรรมธรรมชาติ
"สมศักดิ์" ให้กำลังใจทีมแพทย์- พยาบาล รพ.บึงกาฬ พร้อมเปิดห้องรับฟังความเห็น หลังเกิดปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน
กรรมการ บ.ไมนฮาร์ทฯ ผู้รับออกแบบตึกสตง. ให้ข้อมูลดีเอสไอ รับมีการสั่งแก้แปลนอาคาร ผนังปล่องลิฟท์ พร้อมร่วมมือให้ทุกอย่าง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น