ที่ “วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม” (ทุ่ง -สะ- หนุ่น) ม.4 ต.ระหาน อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร พระทั้งหมด 11 รูป (หมดวัด) พร้อมญาติโยมในหมู่บ้านกว่า 40 คน ต้องถูกกักตัวทั้งหมด โดยแบ่งกักตัวที่ในศาลาการเปรียญและพื้นที่นาบุญของวัด ร่วมทั้งพระและโยมกว่า 51 ราย เหตุจากเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 64 ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากต่างจังหวัดมาร่วมงานศพประชาชนในพื้นที่ และผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก็ขับรถมารับพระไปสวดพระอภิธรรมที่บ้านงานศพทุกวัน โดยพระทุกรูปได้นั่งรถคันเดียวกับผู้ติดเชื้อ และมีญาติโยมที่ไปร่วมงานศพติดเชื้อและสัมผัสเสี่ยงสูงเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ จนจะต้องมีการกักตัวทั้งพระสงฆ์และชาวบ้าน พร้อมตรวจหาเชื้อ
เมื่อวานนี้(10 ต.ค.64) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ “วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม” เพื่อดูการบิณฑบาตของพระแบบใหม่ ในเมื่อพระไม่สามารถออกบิฑบาตรได้ กรรมการและ มรรคนายก จึงต้องนำพระพุทธรูปประจำวัดใส่รถสามล้อพ่วงข้าง พร้อมนำลำโพงเปิดเสียงสวดให้พรตักบาตรข้าวแก่ญาติโยมตามหมู่บ้าน เพื่อให้สามารถทำบุญตักบาตรได้ตามปกติ ซึ่งก็ดูแปลกกว่าที่อื่นอย่างไม่เหมือนใคร โดยประขาชนต่างก็พากันกลัวพระสงฆ์และผู้กักตัวจะอดอาหาร จึงได้พากันออกมาดักรอรถสามล้อพ่วงข้างของทางวัดและใส่บาตรทุกเช้า โดยวันนี้ทำมาเป็นวันที่ 6 แล้ว
พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู เจ้าอาวาส วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม กล่าวว่า “สืบเนื่องจากช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาในพื้นที่ของหมู่บ้านเพื่อร่วมงานศพ และอาสาขับรถมารับพระทุกรูปไปร่วมงานศพที่บ้านเจ้าภาพด้วย ซึ่งภายหลังโยมคนดังกล่าวก็ตรวจเชื้อพบว่าติดโควิด-19 ทำให้พระทุกรูปในวัดรวมถึงอาตมาจะต้องถูกกักตัวจำนวน 14 วันและตรวจหาเชื้อด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็พยามยามหาโครงการช่วยโยมมาตลอดกับ “พระไม่ทิ้งโยม” ถึง 3 ครั้ง แต่ก็ต้องหาวิธีทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้โยมสามารถใส่บาตรให้พระ และนำอาหารมามอบให้ชาวบ้านที่มากักตัวในนาบุญและภายในวัดจำนวนมากได้กินจนครบ 14 วัน ซึ่งก็พึ่งอนิสงค์ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำพระพุทธรูปใส่รถสามล้อและอัดเสียงใส่ลำโพงไปเปิดให้โยมใส่บาตรทุกเช้าจนครบกำหนดกักตัว ซึ่งทั้งโยมและพระก็ปลอดภัยไม่ต้องสัมผัสกัน ก็เป็นการมั่นใจอย่างหนึ่งว่า โควิด-19 แม้จะทำลายอวัยวะภายใน ทำลายปอดได้ แต่ไม่สามารถทำลายจิตใจของเราชาวพุทธได้ ต่อให้มีการระบาดเพียงใด เราก็จะร่วมกันฟันฝ่าไปด้วยกัน สักวันโควิดก็จะหายไปจากโลกนี้ด้วยความร่วมมือร่วมใจของเราทุกคน ระหว่าง “พระไม่ทิ้งโยม โยมก็ไม่ทิ้งพระ” เกื้อกูลกันไปอย่างนี่ตลอดไป