วันที่ 12 ต.ค. 2564 นางเอ (นามสมมุติ)อายุ 51 ปี พา น.ส.บี(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ชาว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.อรรถชัย ศรีจันทร์ สารวัตร(สอบสวน)สภ.หนองหงส์ อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อเอาผิดเจ้าของบริษัทฯแห่งหนึ่ง ตามหลักฐานที่พบในข้อมูลสนทนา ระบุอยู่ที่ กรุงเทฯ(ตรวจสอบพบว่าบริษัทนี้มีอยู่จริง)หลังถูกหลอกให้ไปลงทุนตามคำชักชวนในแอป สูญเงินไปกว่า 40,000 บาท
น.ส.บี (นามสมมุติ) เล่าว่า ระหว่างที่เรียนออนไลน์อยู่นั้น ได้มีแอปชื่อ”FFBB”เด้งเข้ามาให้กดดู ตนจึงกดดู พบว่าเป็นแอปชวนให้ร่วมลงทุนได้ค่าตอบแทนระยะสั้น ลง 100 บาท จะได้คืน 135 บาท ตนเห็นว่าลงทุนไม่มากจึงลงไป 100 บาท ประมาณ 15 นาที ซึ่งเป็นรอบของกติกา ได้เงินคืนมาทันที 135 บาท จากนั้นได้ลงเรื่อยๆ จนถึงหลักพันบาท ได้เงินกลับมาทุกครั้ง จึงตัดสินใจเอาเงินเก็บของตน ที่ได้จากการรับจ้างแปลภาษาและเงินเก็บสะสมส่วนตัว ร่วม 20,000 บาท เตรียมเอาไว้ลงทุน โดยมีบุคคลเข้ามาร่วมอีก 1 คน อ้างเป็นอาจารย์สอนวิธีลงทุนทางลัดให้ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ เอาเงินก้อนที่มีอยู่ในบัญชี และไปขอยืมเงินแม่มาอีก 25,000 บาท เพราะจะมีโปรโมชั่น รวมกับเงินของตนอีกเกือบ 20,000 บาท รวมเป็น 48,000 บาท เพื่อหวังได้เงินปันผลรวมแล้วกว่า 90,000 บาท
หลังจากโอนเงินก้อนสุดท้ายเสร็จ ทางแอดมิน แจ้งว่าโอนโดยไม่แจ้งก่อน เป็นการผิดขั้นตอน ให้โอนเงินไปอีก 75,000 บาท จึงสามารถปลดล็อกได้ จึงเริ่มมารู้ว่าน่าจะถูกหลอก แต่ไม่กล้าบอกให้แม่กลัวแม่เสียใจ
ขณะที่นางเอ แม่ น.ส.บี บอกว่า ปกติลูกเป็นคนร่าเริง เรียนเก่ง มาขอยืมเงินแม่ 25,000 บอกว่าจะเอาไปใช้เรื่องการเรียน ตนก็ให้ไปเพราะต้องการส่งเสริมลูก ก่อนจะมาแจ้งความเห็นลูกซึมเศร้า จึงเข้าไปถาม ลูกจึงเล่าให้ฟัง แล้วมาแจ้งความดังกล่าว จึงอยากจะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาปราบกลุ่มโจรไซเบอร์ให้พ้นไปจากประเทศไทย เพราะมีผู้เสียหายในลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก.
ภาพ/ข่าว เรืองรุจ วังแจ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์