จากกรณี วันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีมวลชนบางส่วน ออกมาต่อต้านนั้น ตนคิดว่า เป็นเรื่องการเมืองที่มักจะมีกลุ่มต่อต้านอยู่แล้ว ตนมักจะพูดเสมอว่า หากเข้าสู่เวทีการเมือง ต้องยอมรับความคิดเห็นต่างและนำสิ่งนั้นมาแก้ไข ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างกรณีที่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่นนั้น พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะหากคิดว่า ประชาชนส่วนหนึ่งต้องการอย่างนั้น เราก็ต้องนำมาศึกษา และท่านได้สั่งการให้ไปศึกษาว่า เรื่องอะไร ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี อย่าไปมองว่า คนที่เห็นต่างจะเป็นศัตรู
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า ถูกต้อง นี่คือธรรมชาติของบ้านเมืองเรา เราจึงต้องนำความคิดเห็นของผู้เห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นเยาวชน หรือ วัยกลางคน นำมาศึกษาและแก้ไข เมื่อถามว่า ในการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ของนายกฯ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่พยายามกันประชาชนไม่ให้เข้าถึงนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนไม่เห็น แต่ถ้าตนเดินทางไปกับ พล.อ.ประวิตร ตนมักจะพูดเสมอว่า อย่ากันเขา ให้เขาได้แสดง เพราะถ้ายิ่งกัน เหมือนยิ่งไปห้าม
** นี่… ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. เพจ ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้เผยแพร่คลิป ที่มีการสัมภาษณ์ ร.อ.ธรรมนัส กับชีวิตนอกสภา โดยมีการสัมภาษณ์ ชาวจังหวัดพะเยา ที่เคยได้รับการช่วยเหลือจาก ร.อ.ธรรมนัส และเจ้าตัว ยังได้เปิดเผยถึงชีวิตส่วนตัวและเส้นทางการเมือง ก่อนที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วง น่าสนใจ เมื่อถามว่า “คิดอย่างไรกับการที่ประชาชนออกมา Call Out” ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ประเทศเรา มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่มันต่าง เราต้องยอมรับได้ พี่กลับมองว่า สิ่งเหล่านั้น เราน่าจะเอามาทบทวนว่า เราเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า มันเป็นสิทธิเสรีภาพที่ควรจะจัดแสดงความคิดเห็น เราอย่ามองเห็นคนเห็นต่างเป็นศัตรู เราต้องเอาสิ่งเหล่านั้น มาทบทวนตัวเองว่า เราเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่าเราจะปรับปรุงตัวเอง”
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับการใช้ความรุนแรง “สลายการชุมนุม” ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พี่มักจะพูดกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เป็นข้าราชการที่ดูแลฝ่ายความมั่นคงเสมอว่า บุคคลนั้นคือ ลูกหลานเรานะ มันต้องมีเวทีให้เขาได้แสดงบ้างนะครับ มันไม่ควรไปสร้างความแตกแยกทางสังคมนะครับ บ้านเมือง ณ เวลานี้ การแพร่ระบาด covid บ้านเมืองไม่ปกติ มันคือเกิดสงคราม สงครามระหว่างมนุษย์ สิ่งมีชีวิตกับเชื้อโรค ที่เรามองไม่เห็นที่เราเรียกว่าจะไวรัส โควิด-19 นี่คือสงครามโลกครั้งที่ 3 มันต้องมีเวทีให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นและแสดงจุดยืนของตัวเองบ้างนะครับ งั้นผู้ใหญ่ก็ต้องเข้าใจเด็ก เด็กก็ต้องเข้าใจผู้ใหญ่ จึงจะอยู่ด้วยกันได้ เรานึกถึงอนาคตลูกหลานเรามากกว่า
ย้ำชัดถึง 2 ครั้ง 2 ครา กับท่าทีของ ร.อ.ธรรมนัส ต่อกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว คณะราษฎร ที่ชัดเจนต่อข้อเรียกร้องเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกครั้งที่มีการชุมนุม หรือมีการเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล ก็จะมีการพูดหมิ่นสถาบัน จาบจ้วงเบื้องสูงอย่างรุนแรง ปล่อยข่าวโจมตีสถาบันมาโดยตลอด ซึ่งเป็นการกระทำที่ เหยียบย่ำหัวใจคนไทย และยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ ทุกครั้งที่มีการชุมนุม ผู้ชุมนุมก็จะมีการใช้ความรุนแรง ยั่วยุเจ้าหน้าที่ ตลอดจน มีการใช้อาวุธเข้าตอบโต้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า มีเจ้าหน้าที่หลายรายได้รับบาดเจ็บจากอาวุธของผู้ชุมนุม พร้อมทั้งยังมีการจับกุมวัยรุ่นและเยาวชนที่เข้าร่วมม็อบ มีการตรวจพบอาวุธต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้ สังคมต่างตั้งคำถามไปถึง ร.อ.ธรรมนัส ว่า คนเป็นรัฐมนตรี อีกทั้ง ยังเป็นเลขาธิการพรรค แกนนำตั้งรัฐบาล ไม่รู้จริง ๆ หรือว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในการชุมนุม!?
ด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เคยเขียนเกี่ยวกับ “สถาบันกษัตริย์ “ ไว้ว่า “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง”
พระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่รัชกาลที่ 3 ทรงตระหนักรู้ถึงภยันครายจากฝรั่งต่างชาติ ทรงเตือนคนไทยว่า ภัยสงครามในอนาคตจะไม่มาจากเพื่อนบ้าน
รัชกาลที่ 4 ทรงศึกษาหาความรู้จากฝรั่งมิชชันนารี ทรงเตรียมพระราขโอรสธิดาให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษและวิทยาการสมัยใหม่
รัชกาลที่ 5 ทรงส่งพระราชโอรสไปศึกษาในยุโรป เตรียมการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ทรงนำพาประเทศรอดพ้นจากการรุมกินโต๊ะล่าอาณานิคมจากฝรั่งต่างชาติ
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตรากตรำงานหนัก บุกป่าฝ่าดง เพื่อพัฒนาชาวบ้านในถิ่นทุรกันดาร เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของชาวบ้าน ทรงเป็นหลักชัยในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ พระองค์ทรงมีความเชื่อว่า การต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ที่ดีที่สุดคือ แก้ไขความยากจนของประชาชนเพื่อสู้เสียงปืน กว่าที่พวกต่อต้านสถาบันจะเข้าใจ กว่าจะรู้ตัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็เข้ายึดกุมหัวใจของประชาชนไปทั้งแผ่นดิน
พวกต่อต้านสถาบันยิ่งไปไม่เป็น
เมื่อ ในหลวงองค์ปัจจุบัน พระองค์ทรงตรัสน้อย ตรัสไม่เก่ง แต่ทรงทำอย่างเงียบๆ ทรงช่วยเหลือจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์แก้ภัยโควิดด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกร
สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหลักชัยของประเทศ ที่ต่อต้านการเข้ายึดครอง ฮุบประโยชน์ของชาติจากนายทุนและนักล่าอาณานิคม เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ของคนคิดขายชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เคยขายชาติ มีแต่สู้ปกป้องชาติ
กลุ่มคนที่คิดจะล้มล้างสถาบันฯ ร่วมมือกับต่างชาติ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและสนองวัตถุประสงค์ของฝรั่งต่างชาติ ที่พยายามทำลายผู้นำที่เข้มแข็งของทุกประเทศ เพื่อสะดวกในการครอบงำ และฉกชิงรับใช้ผลประโยชน์ของชาติตน