ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี หลังจากสถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย หลายประเทศเริ่มเปิดพรมแดนและเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รอยเตอร์รายงานว่าราคาน้ำมันเบร้นต์ของอังกฤษ ซื้อขายในตลาดอนาคตวันนี้พุ่งขึ้น 87 เซนต์หรือคิดเป็น 1% ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 85.73 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 หรือ 3 ปีที่แล้ว
ขณะที่ราคาน้ำมันเวสต์ เท็กซัส อินเทอร์มีเดียทของสหรัฐ ซื้อขายในตลาดอนาคตก็เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลล่าร์ หรือ 1.4 % ขึ้นไปแตะ 83.40 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่ตุลาคม 2014 หรือในรอบ 7 ปี
นักวิเคราะห์จากธนาคาร ANZ กล่าวว่าสาเหตุที่ดันราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงสุดขนาดนี้มีปัจจัยมาจากการที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด และทยอยเปิดประเทศ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ตลาดน้ำมันสำหรับเครื่องบินก็มีการซื้อขายอย่างคึกคัก หลังมีรายงานว่าสหรัฐเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนหน้า เช่นเดียวกับออสเตรเลียและหลายประเทศทั่วเอเชีย
นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยมาจากบริษัทผู้ผลิตพลังงานทั่วโลกช่วงนี้หลีกเลี่ยงการใช้แก๊สธรรมชาติและถ่านหินเนื่องจากมีราคาแพง โดยหันมาใช้น้ำมันดิบแทน คาดกันว่าความต้องการน้ำมันอาจมีมากถึง 4 แสน 5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันที่สหรัฐเร่งติดตั้งเครื่องขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันและก๊าซให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก