หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงเตรียมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว โดยไม่ต้องกักตัว ในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ สำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดสจากประเทศความเสี่ยงต่ำ อย่างน้อย 10 ประเทศ และแสดงผลตรวจ RT-PCR เดินทางเข้าประเทศโดยทางอากาศ และดีเดย์ เปิดอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน รวมถึง เปิดสถานบันเทิง วันที่ 1 ธันวาคม และการเตรียมพร้อม สู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 หวังฟื้นเศรษฐกิจไทยจากการท่องเที่ยว
ตัวแปรสำคัญในการเตรียมรับมือการเปิดประเทศคือการฉีดวัคซีน สำนักข่าวท็อปนิวส์ ตรวจสอบข้อมูลการฉีดวัคซีนประจำวันพบว่า ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ที่มีการระบาดสูง กับข้อมูลการฉีดวัคซีนในเข็มแรก นั้นพบว่าไม่สัมพันธ์กัน
ผู้ติดเชื้อรายวัน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล จากผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 18 ส.ค.64 ผู้ป่วย 9,122 ราย ผู้เสียชีวิต 71 คน ซึ่งวันนั้น มีผู้ติดเชื้อใน 10 จังหวัดสูงสุด คือ
1 กรุงเทพมหานคร ติดเชื้อ 1,037 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว 8,008,996 เข็ม คิดเป็น 104 % ,
2 ปัตตานี ติดเชื้อ 621 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 297,119 เข็ม คิดเป็น 40 % ,
3 นครศรีธรรมราช ติดเชื้อ 602 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 578,603 เข็ม คิดเป็น 36.70 %,
4 สงขลา 498 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 712,625 เข็ม คิดเป็น 47.90 % ,
5 ยะลา 455 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 276,287 เข็ม คิดเป็น 50.40%
6 นราธิวาส 453 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 302,121 เข็ม คิดเป็น 37.50% ,
7 ชลบุรี 310 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 1,511,814 เข็ม คิดเป็น 73.80% ,
8 สมุทรปราการ 299 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 1,355,213 เข็ม คิดเป็น 70.20% ,
9 ประจวบคีรีขันธ์ 238 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 293,301 เข็ม คิดเป็น 50.70% ,
10 ระยอง 229 ราย ฉีดวัคซีนเข็มแรก 518,030 เข็ม คิดเป็น 53.60%
ขณะเดียวกันเมื่อเราตรวจสอบพบข้อมูลที่เป็นที่น่าชื่นชมสำหรับจังหวัดที่มีการจัดการตนเองในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดได้ดีแม้ว่าจังหวัดเหล่านั้นจะมีการตัวเลขของการฉีดวัคซีนที่ได้รับจัดสรรในอัตราที่ต่ำเพียงแค่ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์แต่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายวันสะสมเพียงแค่ไม่กี่พันคน อาทิ
1.แม่ฮ่องสอน มีจำนวนประชากร 245,764 มีผู้ติดเชื้อสะสม เพียง 1,686 ราย ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 75,264 คน คิดเป็น 30.60%
2.บึงกาฬ มีจำนวนประชากร 425,427 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 1,908 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 133,943 คน คิดเป็น 31.50%
3.ชัยนาท มีจำนวนประชากร 335,048 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 2,324 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 123,273 คน คิดเป็น 36.80%
4.น่าน มีจำนวนประชากร 477,861 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 2,379 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 187,095 คน คิดเป็น 39.20%
5.อำนาจเจริญ มีจำนวนประชากร 379,994 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 2,880 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 143,972 คน คิดเป็น 37.90%
6. เลย มีจำนวนประชากร 640,282 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 3,384 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 245,835 คน คิดเป็น 38.40%
7. นครพนม มีจำนวนประชากร 724,860 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 4,851 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 225,365 คน คิดเป็น 31.10%
8. กำแพงเพชร มีจำนวนประชากร 725,872 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 7,439 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 265,052 คน คิดเป็น 36.50%
9. สกลนคร มีจำนวนประชากร 1,145,847 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 7,500 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 123,273 คน คิดเป็น 33.00%
10. ยโสธร มีจำนวนประชากร 535,511 มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 5,158 ราย ทั้งที่ได้รับการจัดสรรฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 181,365 คน คิดเป็น 33.90%
จากข้อมูลที่ สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ตรวจสอบนี้ก็พอจะทำให้เราได้เห็นถึง ความสามารถ ศักยภาพ ของการจัดการ ของผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัด ในการจัดการรับมือการแพร่ระบาดโควิด คุมพื้นที่การแพร่ระบาดของโรคได้เร็วในวงจำกัด แม้ว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีนน้อย ฉีดเข็มแรกเพียงแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ผู้ป่วยผู้ติดเชื้อก็เพียง 1-2 % ของจำนวนประชากรเท่านั้น
