เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล หัวหน้าคณะพิทักษ์เกียรติภูมิจุฬาฯ ในฐานะอดีตนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “Top News” เรื่อง แถลงการณ์องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ว่า การยกเลิกโดยอ้างเหตุผลว่าให้คนเท่าเทียมกันนั้น เป็นการโกหก ตลบตะแลง และสร้างความแตกแยก ซึ่งกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวเป็นการแสดงความกตัญญูรำลึกถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ในฐานะผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัย แต่การที่มายกเลิกกิจกรรม ถือเป็นการเนรคุณบุญคุณพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 คนที่ทำให้คนเท่ากันจริงคือพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระองค์เดียวเท่านั้น ที่ทรงเลิกทาส เลิกไพร่ และส่งเสริมให้ประชาชนได้รับการศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี คนพวกนี้เหมือนอ่านหนังสือวนไปวนมาไม่เข้าใจ เนรคุณ ใช้คำพูดบิดเบือนสร้างความแตกแยก ทรยศผู้มีพระคุณ ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร แต่เป็นพวกแหกคอก ซึ่งทางคณะพิทักษ์เกียรติภูมิจุฬาฯจะออกแถลงการณ์เรื่องนี้ในไม่ช้า ถึงผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ดำเนินการจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้ที่ทำผิดซ้ำซาก โดยเฉพาะนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากผู้บริหารจุฬาลงกรณ์ยังนิ่งเฉยไม่ยอมดำเนินการ ตนก็จะหาวิธีการถอดอถอนอธิการบดี และนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อไป เพราะเมื่อเกิดเรื่องแล้วควรเรียกประชุมด่วนทันที สิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ต้องการสร้างความแตกแยก แต่มหาวิทยาลัยกลับไม่สนใจดำเนินการ
“ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยปัจจุบันควรขับไล่นายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกไปจากมหาวิทยาลัย ถ้าไม่อยากเรียนที่นี่ก็ไม่ต้องเรียน รวมถึงยังชอบสร้างความบิดเบือนต่างๆ ผมขอกดดันฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยควรมีปฏิกิริยาเด็ดขาด จะให้คนชั่วเป็นคนดีไม่ได้ จะบอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่นั้นไม่ใช่ อ้างคำว่าประชาธิปไตยมาปลุกปั่นทำให้ประเทศคล้อยตาม แต่สิ่งที่ทำนั้นคือความผิด แหกคอก ผิดบรรทัดฐานสังคม ถามว่าขาดเสรีภาพตรงไหน เรียนหนังสือใช้สิทธิเสรีภาพมหาวิทยาลัยมากไปหรือไม่ ครอบงำนิสิตคนดีคนอื่นหรือไม่ คนกลุ่มนี้สร้างเรื่องให้เกิดกระแส และความแตกแยก ซึ่งผมเชื่อในคำพูดของสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า คนที่ลืมรากเหง้าตัวเอง มีจุดจบไม่ดี คนพวกนี้ไม่ใช่คนดี แต่มีโอกาสได้เรียนที่นี้ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยกลับเพิกเฉย ละเลย ทำงานช้า ควรหลุดออกจากตำแหน่งตั้งนานแล้ว ทั้งที่มีคนพยายามทำลายสถาบันแต่ยังเอาไว้ ไม่ตระหนัก ทำงานขอไปที ละเลย อ่อนแอ อ่อนหัด ปล่อยให้นายเนติวิทย์และพวกดำเนินการ ไม่ทราบว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีงานอะไรมากมายจึงไม่ยอมจัดการเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะการสร้างความรู้ให้กับคนอย่างเต็มที่ แต่กลับไปสนใจเรื่องเอาที่ดินไปทำห้างฯ ไม่สนใจการศึกษา ปล่อยให้มีคนแบบนี้ในมหาวิทยาลัย ถือเป็นความบกพร่องของฝ่ายบริหาร” ดร.ชัยภัฏ กล่าว