วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ นางสาวชไมพร อำไพจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ มีการถ่ายทอดการประชุมทางไกลกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่โรงงานสับปะรดกระป๋อง ควอลิตี้ ไพน์แอปเปิ้ล ริมถนนบายพาสชะอำ – ปราณบุรี หมู่ที่ 3 บ้านหนองนกน้อย ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ภายหลังตรวจพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในกลุ่มลูกจ้างชาวเมียนมา
โดยมีรายงานว่า จากการเก็บสารตัวอย่างสารคัดหลั่งกลุ่มแรงงานที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 257 คน ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อ 112 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้สอบสวนควบคุมโรค พร้อมฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในโรงงาน ห้องพักของแรงงานชาวเมียนมา ในบริเวณโรงงาน รวมถึงบ้านเรือนประชาชนบริเวณใกล้เคียงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19
พร้อมตั้งโรงพยาบาลสนามภายในพื้นที่ของโรงงานจำนวน 250 เตียง เพื่อดูแลรักษาเฝ้าระวังสังเกตอาการผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยและควบคุมไม่ให้การแพร่ระบาดของเชื้อขยายวงกว้างออกไปสู่ภายนอก โดยมีการจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุดประตูทาง เข้า – ออก ของโรงงาน เพื่อตรวจคัดกรองบุคคล และเฝ้าระวังปิดกั้นจุดที่อาจจะมีการลักลอบใช้เป็นทางเข้า – ออกโรงงาน ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางและอาการหนักจะมีการนำตัวส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
มีรายงานว่า ขณะนี้ชาวบ้านหนองนกน้อย ได้แจ้งผ่านผู้นำท้องที่ขอให้สั่งโรงงานปิดสายการผลิตเป็นการชั่วคราว เนื่องจากยังมีการเปิดสายการผลิตตามปกติ เพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มไปจังหวัดอื่น เนื่องจากซื้อสับปะรดผลสดมาจากหลายจังหวัดในภาคเหนือ และภาคตะวันออก สำหรับต้นตอการระบาดของในโรงงานดังกล่าวมาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างรายหนึ่งไปเที่ยวดื่มกินที่สถานบันเทิงทองสุข ในตัวเมืองหัวหิน เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 ต่อมาพบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิด แต่มีการปกปิดข้อมูล ทำให้เชื้อโควิด 19 มีการระบาดไปติดเด็กอายุ 4 ขวบที่อาศัยอยู่กับผู้ปกครองในห้องเช่าภายในพื้นที่โรงงาน
ทั้งนี้ ข้อมูลวันที่ 7 พฤษภาคม จ.ประจวบฯ มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่ 27 คน ยอดสะสมผู้ป่วยในการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน 1,167 คน รักษาหายแล้ว 881 คน เสียชีวิต 4 คน อยู่ระหว่างการรักษา 282 คน อาการรุนแรง 11 คน และอาการปานกลาง 19 คน