วันที่ 27 ตุลาคม 2564 เพจ นักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง ออกมาโพสต์ข้อความว่า กำลังเป็นกรณีดังในขณะนี้กับการที่นักดนตรีชื่อดังท่านหนึ่ง มีคลิปวีดีโอที่แสดงความรักต่อลูกสาวโดยการสัมผัสใกล้ชิดผ่านการจับหน้าอก บางคลิปมีการล้วงกางเกงเพื่อจับก้นลูกด้วย
ในเบื้องต้นแอดมินขอยืนยันว่าเด็กจำเป็นและคู่ควรที่จะได้รับความรักผ่านการสัมผัส เช่น กอด หอม จากพ่อแม่ แต่การสัมผัสเหล่านั้นต้องสอดคล้องกับขอบเขตที่เหมาะสม และเป็นไปด้วยความเต็มใจของเด็ก (ขอบเขตที่ไม่เหมาะสม แม้เด็กเต็มใจก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้)
หลักสูตรและการเรียนรู้ที่สำคัญในการสอนเด็กให้สามารถระบุภัยทางเพศ คือการสอนให้เด็กรู้จักความรู้สึกที่ดี และความรู้สึกที่ไม่ดี ควบคู่ไปกับการรู้จักอวัยวะในร่างกายของตนเอง และขอบเขตทางร่างกายที่รู้สึกปลอดภัย และลำดับขั้นการอนุญาตที่เด็กจะมีให้คนแต่ละคนเข้ามาใกล้ หรือสัมผัสอวัยวะแต่ละส่วนของเขา
กฎเหล็กที่สำคัญคือ ในกรณีที่เด็กสามารถจัดการธุระของตนเองได้ เช่น ล้างฉี่ ล้างก้นได้แล้ว แม้แต่คนใกล้ตัวเด็กมากที่สุดอย่างพ่อแม่ ก็ไม่ควรหรือไม่มีสิทธิที่จะจับ สัมผัส อวัยวะปกปิด ซึ่งประกอบไปด้วย หน้าอก ก้น อวัยวะเพศของเด็กได้อย่างปกติ ยกเว้นในกรณีที่เด็กเจ็บป่วยหรือต้องอยู่ในสภาวะที่ต้องได้รับการดูแลเพียงเท่านั้น
เหตุที่เราจำเป็นต้องสอนเด็กเช่นนี้เพราะว่าถ้าเด็กถูกจับและสัมผัสอวัยวะปกปิดจนเป็นสิ่งปกติ เขาเองจะไม่เรียนรู้ขอบเขตที่เหมาะสมทางด้านร่างกายและเรียนรู้ความรู้สึกการเป็นเจ้าของเนื้อตัวร่างกายของเขาเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะถูกทารุณกรรมทางเพศจากผู้ใกล้ชิด และจากข้อมูลสถิติ ผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กส่วนใหญ่คือบุคคลใกล้ชิดที่เด็กไว้วางใจ แอดมินเจอมาแล้วค่ะ พ่อแท้ ๆ ปู่แท้ ๆ น้า อา แท้ ๆ มีหมด
เวลาสอนเด็กเราจึงบอกเสมอว่าถ้ามีใครมาจับ ก้น นม จิ๋ม หรือ จู๋ (เด็กในบางพื้นที่ก็เรียกว่าหี ควย ดอ เป็ด ก็มีค่ะ) ให้มาบอกพ่อแม่ หรือถ้าพ่อแม่จับก็ให้มาบอกคุณครู เพื่อที่เราจะได้ทำงานกับครอบครัวเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงต่อว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าพ่อแม่ยังไม่เข้าใจเราจำเป็นต้องให้พ่อแม่เข้าใจความจำเป็นในเรื่องนี้
สรุปประเด็นนี้นะคะ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ พฤติกรรมที่คุณพ่อแสดงต่อน้องนั้น “ไม่เหมาะสม” ค่ะ
แอดมินขอฝากทุกท่านว่าเรื่องนี้คือเรื่องไม่ปกติ ขอความกรุณาทุกท่านปฏิบัติต่อเด็กด้วยความเคารพต่อสิทธิความเป็นส่วนตัว ต่อเนื้อตัวร่างกายของพวกเขา
เราเป็นผู้ใหญ่หน้าที่ของพวกเราคือการคิดเยอะ ๆ ค่ะ เพราะเกิดเหตุวิพากษ์วิจารณ์มาแม้พ่อแม่เองไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ผลกระทบเหล่านี้เกิดขึ้นกับเด็กแน่นอน อย่างน้อย ๆ คือการมีรอยเท้าบนโลกออนไลน์ที่ครั้งหนึ่งพ่อและแม่พาเขาเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้
ซึ่งทางด้าน เพจ บันทึกหมอเดว ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยว่า มีผู้สอบถามความเห็นกรณี trend twitter #บุคคลดังที่เป็นคุณพ่อแสดงความรักกับลูกสาวด้วย การล้วงจับลูบคลำขณะเรียนรู้ด้วยกันนั้น
(โดยรศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี) !## กรณีเช่นนี้ไม่สมควรกระทำ!!## โปรดเข้าใจด้วยทัศนคติ ว่า #ลูกไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ที่อยากจะทำอะไรก็ได้แบบไหนก็ได้ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่พ่อแม่ต้องรู้ ด้วย เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ที่ต้อง ปกป้องคุ้มครอง อยู่รอดปลอดภัย ได้รับการพัฒนาและ สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้ สิ่งที่การกระทำนี้ไม่เหมาะสม คือ
1.การไม่เคารพศักดิ์ศรีของลูก
2.พ่อขาดการฝึกหัดให้ลูกเกิดการเรียนรู้ sense of Property ด้วยการนำภาพลงใน สื่อสาธารณะ โดยไม่กังวล ผลกระทบต่อลูกสาวผู้ถูกถ่ายภาพ แม้จะยินยอมก็ตาม
3.เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องสอนให้ลูกรู้จักการปกป้องคุ้มครองตนเอง จากภยันตรายลักษณะคล้ายกันที่อาจเกิดขึ้นได้
และควรฝึกให้ลูกสาว มีสภาวะเข้าวัยรุ่น ที่สรีระจะเกิดการปป.ต่อไปในไม่ช้า เพื่อปกป้องตนเองมากกว่า การใช้เหตุผลเพียงเพราะแสดงความรัก
4.เป็นการละเมิดสิทธิเด็ก และยิ่งนำลงสื่อสาธารณะ #เป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง!!!
5.เด็ก สุ่มเสี่ยงต่อการเกิด sexual harrassment and #AtraumaticSexualization
ที่ต่อไปข้างหน้าเด็กอาจนึกว่าปกติได้ ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงต่อตัวเด็กภายภาคหน้าได้อย่างไม่คาดคิด
6.เด็กจะอยู่ร่วมในสังคมที่ใกล้ชิดลำบากมากขึ้น
26/10/64