นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลัง ตรวจสถานการณ์ชายแดนตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ถึงกรณีที่มีกระเเสข่าวการลาออกจากคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับ คณะกรรมการอีก 6 – 7 ท่าน โดยยอมรับว่า ตนเองได้เซนชื่อในใบลาออกแล้ว ซึ่งเป็นการลาออกจากคณะกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากตนมีแนวความคิดที่ตรงกันกับคณะกรรมการบริหารพรรคตามที่เป็นข่าว เพราะคิดว่า หากพรรคมีการปรับเปลี่ยนที่ดี เเละเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ ในการตัดสินใจต้องขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค โดยตนเองเป็นเพียงลูกพรรคเท่านั้น แต่ต้องการที่จะเเสดงจุดยืนของตนเองให้หัวหน้าพรรคได้รับทราบ
ทั้งนี้ ในส่วนของรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้ง 8-9 ท่านที่มีข่าวออกมาว่าได้ยื่นใบลาออกด้วยนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะตนเองได้ฝากใบลาออกไว้ที่รัฐมนตรีท่านหนึ่ง จึงไม่ทราบว่าคณะกรรมการบริหารพรรคท่านอื่นจะฝากใบลาออกไว้ด่วยหรือไม่
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของใบลาออกนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยื่นแต่อย่างใด เป็นการรวบรวม และเตรียมไว้เท่านั่น หากในวันพรุ่งนี้ ( 28 ต.ค.) ที่จะมีการประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการหารือถือประเด็นที่เป็นปัญหาและสามารถคลี่คลายลงได้ก็ว่ากันไป แต่ยอมรับว่า ในการทำงานการเมืองก็มีรูปแบบเช่นนี้ เพราะเป็นเรื่องของคนหมู่มากที่มีความคิดเห็นหลากหลาย และต้องการให้พรรคการเมืองเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ยืนยันการลาออกไม่ได้ต้องการกดดันหัวหน้าพรรคส่วนที่มีกระเเสข่าวว่า การลาออกของคณะกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ เป็นการกดดัน นายธรรมนัส พรหมเผ่า ให้ลาออกจากเลขาพรรคหรือไม่ นายสุชาติ ระบุว่า ในเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล การลาออกของคณะกรรมการบริการครั้งนี้ เนื่องจากทั่งหมดมีความคิดเห็นที่ตรงกัน
ส่วนกรณีที่มีกระเเสข่าวออกมาว่า นายสุชาติ เตรียมขึ้นนั่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสุชาติ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค เป็นผู้ตัดสินใจว่า พรรคจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป โดยตนเองมองว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น และตนเอง รวมถึง ส.ส.ท่านอื่นๆยังคงต้องทำงานต่อไป
นายสุชาติ กล่าวว่า ในการตัดสินใจลาออกครั้งนี้ร่วมกับคณะกรรมการบริการพรรค 8-9 ท่าน ไม่ได้มีการหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากท่านนายกฯ ไม่ได้เป็นคณะกรรมการหรือสมาชิกพรรค การตัดสินใจครั้งนี้ เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ที่ต้องการให้พรรคปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนกระเเสที่นายกรัฐมนตรีได้เรียกตนเองเข้าพบ เป็นการหารือเรื่องการบริหารราชการเเผ่นดินเท่านั้น