แหล่งข่าว 1 ในกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยกับ Top News ว่า ส่วนตัวเซ็นใบลาออกจากกรรมการบริหารพรรคแล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกฯและหัวหน้าพรรค โดยมองว่า การบริหารพรรคไม่ควรใช้อารมณ์ของคนใดคนหนึ่งในการตัดสินใจ ควรจะยึดประโยชน์ของพรรคและประชาชนเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมามีแต่ตัวบุคคลเท่านั้นที่โตขึ้น ๆ แต่พรรคไม่โต ยังไม่ไปไหน จะต้องทำให้พรรคโตและเป็นที่ยอมรับมากกว่านี้ ซึ่งนายรงค์ ยอมรับว่า ปัญหาภายในพปชร. คือมีหลายกลุ่มมาก แต่ละกลุ่มก็คิดว่าตัวเองมีกำลังส.ส.อยู่ในมือ แต่ทั้งนี้หากจะต้องปรับการบริหารใน พรรค จะต้องทำให้เสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร 1 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หากมีการปรับกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้การทำงานดีขึ้นหรือไม่นั้น แหล่งข่าวหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคพปชร. กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ทุกอย่างจึงต้องรอฟังหัวหน้าพรรคว่าจะมีแนวทางไปในทิศทางใด ซึ่งจะชัดเจนในวันพรุ่งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค
ส่วนหากมีการปรับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคหรือไม่ เพราะมีส.ส.ในสังกัดหลายคน แหล่งข่าวคนเดิมคาดว่า อาจจะมีแรงกระเพื่อมในระดับหนึ่ง เนื่องจากเลขาธิการพรรคได้ใจส.ส.และสมาชิกไม่น้อย
โดยในวันนี้พลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เรียกส.ส.แต่ละภาคเข้าไปพบที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถ.วิภาวดีรังสิต ได้เปิดโอกาสให้ส.ส.ระบายความในใจว่ามีปัญหาอะไรค้างคาใจในพรรค ก่อนจะเน้นย้ำให้ทุกคนรักสามัคคีกัน และยืนยันว่า หัวหน้าพรรคไม่ได้สั่งให้ทำโพล พร้อมย้ำว่าส.ส.ที่อยู่ในตำแหน่งสมัยนี้ ยังคงให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยหน้าต่อไปเพราะมีผลงานอยู่แล้ว อย่าไปฟังข่าวที่ทำให้เกิดความแตกแยก
อย่างไรก็ตามรายงานข่าวแจ้งว่า กรรมการบริหารพรรคส่วนที่เหลือ 14 คน เช่นนายวิรัช รัตนเศรษฐ นายไผ่ ลิกค์ และนายรงค์ บุญสวยขวัญ ได้เขียนหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นให้กับหัวหน้าพรรค โดยรอประชุมร่วมกับกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเพื่อหาความชัดเจนในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง