เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย โดยนายสมชัย เปิดเผยว่า ขอขอบคุณพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยที่ให้ตนเข้ามาทำงานช่วยเหลือพรรค ส่วนจะลงสมัครส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ยังตอบไม่ได้และไม่คิดจะเป็นกรรมการบริหารพรรค ตนเข้ามาทำหน้าที่เสนอความคิดเห็นต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับพรรค โดยพร้อมเสนอยุทธศาสตร์ให้กับพรรคเสรีรวมไทย ที่จะเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้า ที่กติกาเลือกตั้งถูกเปลี่ยน และทำให้พรรคขนาดเล็กเสียเปรียบ มั่นใจว่าจะเป็นแนวทางที่ทำให้พรรคเล็กได้รับเลือกตั้งมากขึ้น
เมื่อถามถึงการเปรียบเทียบแคนดิเดตนายกฯระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ลูกสาวคนเล็กของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าใครได้เปรียบกว่ากัน นายสมชัย กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ เพราะไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่พล.อ.ประยุทธ์เหนือกว่า เพราะรับราชการมานาน มีประสบการณ์สูงกว่าน.ส.แพทองธาร แต่ตอบไม่ได้ว่าประชาชนจะเลือกใคร โดยทิศทางทางการเมืองต่อจากนี้ หลังจากที่พรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายหาเสียงเป็นจังหวะที่ทุกพรรคประเมินว่า รัฐบาลจะอยู่ไม่ครบวาระ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะยุบสภาในช่วงเวลาใดเพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์ ดังนั้นทุกพรรคต้องปรับทัพ ปรับโครงสร้างหากลยุทธ์ให้ประชาชนสนใจชื่นชมในนโยบายพรรค จึงไม่แปลกที่พรรคการเมืองต่างๆ จะประชุมใหญ่ โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่จะเลือกเปิดประชุมที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นสมรภูมิที่มีส.ส.มากที่สุด จึงไม่แปลกที่พรรคจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ โดยเฉพาะพรรคใหญ่ ต้องมีความพร้อมให้ประชาชนเห็นความเข้มแข็งความเชื่อมั่น สำหรับการเมืองตอนนี้ มีจุดอ่อนคือ แกนนำพรรคพลังประชารัฐที่มีจุดอ่อนมากมายมีความขัดแย้งในพรรค ประเมินว่าจากการเปลี่ยนแปลงกติกาจากบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ที่พรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยได้เปรียบนั้น ส่วนตัวมองว่าพรรคเพื่อไทยได้เปรียบมากกว่า ส่วนพรรรคขนาดกลางต้องปรับยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง เพราะมีการคำนวณส.ส. บัญชีรายชื่อใหม่ ทำให้พรรคขนาดกลางต้องมุ่งไปที่ส.ส.เขตมากขึ้น เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลที่มุ่งลงพื้นที่มากขึ้น ให้ส.ส.เขตลงพื้นที่เข้าหาประชาชนมากขึ้น
“การเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะถามแต่ละพรรคว่า เอาพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ บางพรรคแม้ตอบว่าไม่เอา แต่ประชาชนจะไม่เลือกพรรคนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่า สถานการณ์ขณะนี้ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐจะประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสินค้าที่ควรเสนอต่อประชาชน ถ้าทำโพลล์แล้วเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีประโยชน์ อาจไม่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือเสนอ 3 ชื่อไม่ใช่ชื่อเดียว เพื่อให้มีทางเลือก และจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์เกิดความไม่มั่นคง เพราะพรรคอาจเสนอชื่อคนอื่นให้สภาฯเลือกก็ได้” นายสมชัย กล่าว