กพท. ออกประกาศ 13แนวปฏิบัติ สำหรับสายการบินรวมถึงสนามบิน รองรับเปิดประเทศ

กพท. ออกประกาศ 13แนวปฏิบัติ สำหรับสายการบินรวมถึงสนามบิน รองรับเปิดประเทศ

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ(กพท.)หรือ caat ได้ออกประกาศเรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศ ในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่8 มีผลตั้งแต่วันที่1พ.ย.2564

 

นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ ลงนามประกาศ แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ฉบับที่8 โดยระบุว่า

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และได้มีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวมถึงคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ออกมาใช้บังคับอย่างต่อเนื่องเพื่อกำหนดแนวทางในการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ในการบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นั้น

 

เพื่อเป็นการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคที่สอดคล้องกับข้อกำหนดและคำสั่งดังกล่าวที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจึงออกประกาศกำหนดแนวปฏิบัติ ดังนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิก

(1) ประกาศสำนักงานบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 5) ประกาศ ณ วันที่ 29 ส.ค. พ.ศ. 2564

 

(2) ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 6) ประกาศ ณ วันที่ 29 ก.ย. พ.ศ. 2564

 

(3) ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 7) ประกาศ ณ วันที่ 18 ต.ค. พ.ศ. 2564

 

ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับแก่เที่ยวบินภายในประเทศ (Domestic Flight) ที่ให้บริการผู้โดยสาร (Passenger Flight) เท่านั้น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงเที่ยวบินของอากาศยานส่วนบุคคล

 

ข้อ 3 ห้ามมิให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติการบินรับส่งผู้โดยสารออกจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) เว้นแต่เป็นเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารที่มีความจำเป็น โดยผู้โดยสารนั้นจะต้องดำเนินการตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการเดินทางเข้าและออกของจังหวัดจุดหมายปลายทาง โดยมีเอกสารการได้รับวัคซีนครบเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น เอกสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR หรือ Antigen Test Kit (ATK) หรือเอกสารรับรองว่าเป็นผู้เคยติดเชื้อมาไม่เกิน 90 วัน หรือเอกสารรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการกักตัวตามมาตรการที่ทางภาครัฐกำหนดแล้ว เป็นต้น

 

ข้อ 4 ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการอากาศที่ให้บริการผู้โดยสารในห้วงเวลานี้ ปฏิบัติดังนี้

 

(1) สำหรับเขตพื้นที่ควบคุมสูงสูดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) จากการจำแนกพื้นที่สถานการณ์ตามคำสั่งศูนย์บิหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งได้รับการยกเว้นตามบัญชีรายชื่อพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผู้ดำเนินการเดินอากาศสามารถปฏิบัติการบินได้โดยไม่จำกัดช่วงเวลา ซึ่งสอดคล้องกับการบริการขนส่งสาธารณะประเภทอื่นที่ดำเนินการตามข้อกำหนดและข้อปฏิบัติเดียวกัน

 

(2) ให้มีจำนวนผู้โดยสารได้ตามความจุของอากาศยานที่ใช้ในการทำการบินเที่ยวบินนั้นๆ และให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศพิจารณาการจัดที่นั่งในห้องโดยสารอย่างเหมาะสม โดยให้เป็นไปตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด อันจะมีส่วนช่วยในการป้องกันควบคุมโรค

 

(3) ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศทำการประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบถึงมาตรการเข้า/ออกของจังหวัดปลายทาง รวมถึงการแจ้งความจำเป็นในการเดินทางผ่านเว็บไซต์ https://covid-19.in.th/ ก่อนการเดินทาง

 

(4) ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันโรคของจังหวัดปลายทางอย่างเคร่งครัด ในกรณีการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) ไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นผู้โดยสารที่เข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้โครงการพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้ตรวจสอบหลักฐานการพำนักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามมาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักร หากเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ผู้โดยสารอาจถูกปฏิเสธการเดินทางได้โดยเงื่อนไขการเดินทางเข้าและออก และมาตรการคควบคุมโรคของแต่ละจังหวัด สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ที่ https://www.moicovid.com/

 

(5) ในระหว่างการปฏิบัติการบิน ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศติดตามดูแลมิให้ผู้โดยสารรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ยกเว้นในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็น ลูกเรืออาจพิจารณาจัดน้ำดื่มให้บริการแก่ผู้โดยสารได้ ทั้งนี้ ให้กระทำในพื้นที่ที่ห่างจากผู้โดยสารคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

 

(6) ให้ผู้ดำเนินการสนามบินจัดระบบการไหลเวียนของผู้โดยสาร (Passenger Flow) และการรับกระเป๋า รวมถึงอำนวยความสะดวกต่อหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้สามารถทำงานได้ตามมาตรการของจังหวัดปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ข้อ 5 ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดให้บุคลากรด่านหน้าที่ให้บริการผู้โดยสารได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และควรให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกสัปดาห์ ตามมาตรการความปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting)

 

ข้อ 6 ก่อนเข้าพื้นที่อากาศยาน ให้ผู้ดำเนินการสนามบินทำการตรวจคัดกรองบุคคลที่เข้ามาใช้บริการในท่าอากาศยานอย่างเข้มงวด โดยต้องมีการตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (Body Temperature Screening) ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดที่ไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ถูกตรวจวัด (Non-contact Infrared Thermometer) หากบุคคลนั้นไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หรือวัดอุณหภูมิได้สูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้ปฏิเสธการให้เข้าพื้นที่ท่าอากาศยานโดยเด็ดขาด

 

ข้อ 7 ให้ผู้ดำเนินการสนามบินควบคุมการดำเนินการตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เช่น มาตรการรักษาระยะห่าง การจัดให้มีแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือไว้ให้บริการอย่างเพียงพอ ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคพื้นที่และอุปกรณ์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณห้องน้ำ และให้ผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตาม ผู้ดำเนินการสนามบินสามารถให้ผู้ใช้บริการออกจากพื้นที่สนามบินได้

 

ข้อ 8 ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศที่จัดรถลำเลียงผู้โดยสารไป-กลับระหว่างอาคารผู้โดยสารและอากาศยาน (Shuttle bus) สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ตามความจุมาตรฐานของยานพาหนะนั้นๆ โดยถือหลักหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน ทั้งนี้ ให้ทำความสะอาดพื้นผิวและอุปกรณ์ที่มีการสัมผัสบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังการให้บริการ

 

ข้อ 9 ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศเก็บข้อมูลผู้โดยสารไว้อย่างน้อย 30 วัน เพื่อให้สามารถบ่งชี้ถึงผู้โดยสารที่อาจเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง รวมถึงข้อมูลเพื่อใช้ในการติดต่อ และให้นำส่งข้อมูลเมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยงานสาธารณสุข

 

ข้อ 10 ให้ผู้ดำเนินการสนามบินติดตามดูแลให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ในเขตพื้นที่อากาศยานปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไว้รัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โดยเคร่งครัด

 

ข้อ 11 ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบินและการรวมเที่ยวบิน ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งและดูแลผู้โดยสารอย่างเหมาะสม ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินของไทยในเส้นทางการบินประจำภายในประเทศ พ.ศ. 2553

 

ข้อ 12 ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งเตือนผู้โดยสารกรณีเป็นผู้ป่วยยืนยันหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้งดการเดินทาง หากฝ่าฝืนอาจได้รับโทษตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558

 

ข้อ 13 ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามดูแลให้ประชาชนผู้มาใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการนระเบียบสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยแนวปฏิบัติในการให้บริการผู้โดยสารสำหรับเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พ.ศ. 2564 ประกาศ ณ วันที่ 9 เม.ย. 2564

 

ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดไปหรือมีประกาศอื่นใดเพิ่มเติม

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สปป.ลาว" ออกแถลงการณ์ "เสียใจสุดซึ้ง" ปม นทท.เสียชีวิตดื่มเหล้าเถื่อน ยันเร่งนำตัวคนร้ายมาลงโทษ
บุกจับ ! พ่อค้ายากระโดดระเบียง สูงกว่า 2.5 เมตร หนี คิดว่าจะหนีรอด เพราะ ปลัดหน้าไม่โหด
ไฟไหม้ ! ร้านกาแฟวอดหมดทั้งหลัง เจ้าหน้าที่คาดสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรมูลค่าความเสียหายกว่า 700,000 บาท
ทั้งเจ็บ ทั้งจำ หนุ่ม เบญจเพสซวยสองเด้ง ถูกวัยรุ่นทำร้าย ถูกจับพกยาไอซ์ซ้ำ
หนุ่มจิตเวชคลั่ง จุดไฟ-ถือมีดขู่ชาวบ้าน ตำรวจกู้ภัยระงับเหตุทันควัน
ดุเดือดทิ้งทวน.. 2 ตัวเต็งผู้สมัครนายก อบจ.เมืองคอน เปิดเวทีประชันปราศรัยหาเสียงห่างกันแค่ 300 เมตร คนนับหมื่นแห่ลุ้นเชียร์ทั้งสองฝ่าย -"เทพไท"ออกโรงแฉวงจรอุบาทว์จดชื่อซื้อเสียงรายหัว- ชี้หาฝ่ายชื่อเสียงชนะเลือกตั้ง สรุปว่า"กระสุนชนะกระแส" /จวกยับ กกต.มีไว้ทำไม
"ประเสริฐ" ยัน แจกเงิน 10,000 เฟส 2 ไม่หวังผลการเมืองอบจ. แย้มเฟส 3 ระบบแอปฯทางรัฐ
"ประเสริฐ" พอใจปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลดความเสียหายได้ 40% ชงเป็นผลงานรัฐบาล
“เอกนัฏ” ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด สั่งจับโรงงานสายไฟไม่ได้มาตรฐาน ยึดของกลาง 65 ล้าน
“สุชาติ”เปิดงาน“ชลบุรี พราว เอ็กโป 2024” สร้างช่องทาง SME สร้างงานปชช.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น