รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ภายหลังที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เลือกที่จะไม่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ โดยสนับสนุนให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้อยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อยู่ในตำแหน่งเหรัญญิกพรรคเช่นเดิม ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการดำเนินงานในระยะเวลาที่เหลืออีกว่าหนึ่งปีครึ่งของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะกฎหมายสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร
“มีการวิเคราะห์ว่าหากปล่อยให้ ร.อ.ธรรมนัส และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล คุมเกมในสภาอยู่ ก็จะมีการเล่นนอกเกม โดยใช้เกมในสภามาต่อรอง และกดดันการทำงานของรัฐบาล ทำให้การทำงานอาจเกิดความไม่เป็นเอกภาพ อาจมีการวัดกำลัง ส.ส.เกิดขึ้นอีก เพราะเกรงว่าจะทำให้กฎหมายสำคัญจะไม่ผ่านการพิจารณาในสภา ซึ่งส่งผลให้นายกฯและรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือยุบสภา”
ทั้งนี้มีการวิเคราะห์ว่า การประลองกำลังกันระหว่างกลุ่มสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ กับกลุ่มของพล.อ.ประวิตร จะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการที่จะขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐ ให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้
“ขณะที่ร.อ.ธรรมนัส ยังเชื่อมั่นในแนวทางของตัวเอง โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งซ่อมในหลายครั้งที่ผ่านมา สามารถทำให้พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น จากการวางเกมทางการเมืองของตัวเอง แม้จะมีการทักท้วงไปยังพล.อ.ประวิตร ว่าการเลือกตั้งทั่วประเทศ กับการเลือกตั้งซ่อม สถานการณ์แตกต่างกัน แต่พล.อ.ประวิตร ไม่รับฟังปัญหาที่จะเกิดขึ้น”
อย่างไรก็ตามเริ่มมีกระแสจากกลุ่ม ส.ส.บางส่วน และกลุ่มทุนที่สนับสนุน ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งพรรคการเมืองด้วยตัวเอง เนื่องจากมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก แตกต่างจากพรรคพลังประชารัฐที่หากไม่มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็อาจจะทำให้คะแนนนิยมลดน้อยลงทันที
“พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีจุดขายในฐานะคนทำงานอย่างมุ่งมั่น ยึดถือประโยชน์ของชาติและประชาชน ที่สำคัญไม่มีภาพของการทุจริตคอร์รัปชัน แตกต่างจากพล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส ที่ภาพลักษณ์มักจะถูกมองในด้านลบ เชื่อว่าหากไร้ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดทนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่าจะมี ส.ส.ย้ายออกเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้พรรคพลังประชารัฐยากที่จะชนะการเลือกตั้ง” แหล่งข่าวทำเนียบฯ ระบุ